เหอซื่อไปถึงโถงรับแขกของเรือนหน้า ก้าวเข้าประตูเห็นหลีเจี่ยวดื่มน้ำชาอยู่เป็นเพื่อนตู้เฟยเสวี่ยพอดี ไฟโทสะก็ลุกโชนประเดี๋ยวนั้น นางเดินฉับๆ เข้าไปตรงหน้าเด็กสาวสองคน
“ท่านแม่…” หลีเจี่ยวรีบวางถ้วยน้ำชาแล้วลุกขึ้นยืน
ตู้เฟยเสวี่ยลุกขึ้นยอบกายเล็กน้อยให้เหอซื่ออย่างไว้ท่า “เหอฮูหยิน วันนี้คุณหนูสามได้รับบาดเจ็บในจวนข้า ต้องขออภัยจริงๆ ข้ามาดูว่าอาการของนางเป็นอย่างไรกันแน่ นี่คือสมุนไพรบำรุงร่างกายที่ทางจวนข้าจัดเตรียมมาให้ หวังว่าคุณหนูสามจะได้ใช้ประโยชน์…”
เหอซื่อได้ยินแล้วเดือดดาลยกใหญ่ หยิบกล่องของขวัญสองกล่องที่ตู้เฟยเสวี่ยเอามาให้โยนทิ้งไป
“เหอฮูหยิน นี่ท่านหมายความว่าอะไร” ตู้เฟยเสวี่ยหน้าแดงก่ำทันใด
มารดาของหลีเจี่ยวจากไปนานแล้ว ตู้เฟยเสวี่ยเป็นญาติผู้น้องทางฝ่ายมารดา จะมาเที่ยวเล่นที่จวนสกุลหลีบ้างเป็นบางครา ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งอยากให้ทางจวนกู้ชางป๋อรู้ชัดว่าสกุลหลีมิได้ทอดทิ้งละเลยหลีเจี่ยว จึงถือตู้เฟยเสวี่ยเป็นแขกคนสำคัญเรื่อยมา นางไหนเลยจะเคยได้รับความอัปยศอดสูเพียงนี้
“พวกข้าไม่ต้องการของพวกนี้ ข้าแค่อยากถามว่าบุตรสาวข้าบาดเจ็บได้อย่างไร”
“เหอฮูหยิน ท่านทำเช่นนี้ไม่รู้สึกว่าเสียมารยาทเกินไปหรือ”
“ข้าเสียมารยาท? คุณหนูตู้ ท่านมาที่จวนข้ามิใช่ครั้งสองครั้ง ข้าจะเสียมารยาทปานใดก็มิเคยทำให้ท่านเสียโฉมกลับไปกระมัง”
ตู้เฟยเสวี่ยได้ยินแล้วไม่ยอมแพ้ นางข่มความโกรธพูดแก้ต่าง “เป็นคุณหนูสามโชคไม่ดี บังเอิญสุ่มไม้ติ้วได้ของคุณหนูเจียงเอง”
“เจ้าผายลม!” เหอซื่อผรุสวาทเสียงดัง มือหนึ่งเท้าเอว มือหนึ่งชี้หน้าตู้เฟยเสวี่ยจนปลายนิ้วแทบจิ้มโดนหน้าผาก “ถ้าเป็นเช่นที่เจ้าพูดยังต้องสมน้ำหน้าที่เจาเจาของข้าเคราะห์ร้ายหรือ คนอื่นข้าไม่สนใจ ข้าแค่ถามเจ้าว่าเจ้าเป็นเจ้าภาพงานสังสรรค์ในวันนี้ใช่หรือไม่”
“ใช่แล้วจะมีอันใด” ตู้เฟยเสวี่ยถอยหลังหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว
มารดาของหลีซานช่างหยาบคายและพาลพาโลเหลือเกินจริงๆ เป็นคราครั้งแรกที่นางได้ยินคนด่าทอเยี่ยงนี้!
“เจ้ายังรู้ตัวว่าเป็นเจ้าภาพงานสังสรรค์ครั้งนี้ เช่นนั้นมีคนเสนอให้เล่นท้าดวลอันตรายอย่างนี้ เหตุใดเจ้าไม่ห้ามปรามตามหน้าที่ของเจ้าภาพที่ดี หรือว่ามีคนสังหารใครในจวนเจ้า เจ้าก็จะไชโยโห่ร้องอยู่ด้านข้างใช่หรือไม่”
“นะ…นั่นเป็นคุณหนูเจียง บุตรสาวของท่านผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน ข้าจะห้ามได้อย่างไรกัน” ตู้เฟยเสวี่ยพูดแก้ตัวอย่างโมโหฉุนเฉียว
เหอซื่อยิ้มเยาะ “ฉะนั้นเพราะบิดาของคุณหนูเจียงเป็นผู้มีอำนาจราชศักดิ์สินะ เจ้าถึงนิ่งเฉยดูดาย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนนี้เจ้าจะแสร้งเป็นคนดีมามอบของขวัญอะไรอีก เพื่อจะฟังพวกข้าพูดว่ายกโทษให้ อีกทั้งได้ชื่อว่าเป็นคนมีความคิดความอ่านกระนั้นหรือ ถุย! เมินเสียเถอะ เจ้าไสหัวออกไปประเดี๋ยวนี้เลย วันหน้ากล้าเหยียบเข้าประตูจวนสกุลหลีล่ะก็ ข้าจะปิดประตูปล่อยสุนัขไล่กัด”
“จะ…เจ้า…เจ้าหยาบคายเกินไปแล้ว” ตู้เฟยเสวี่ยเอาแต่ใจตนเพียงใดก็เป็นคุณหนูในตระกูลสูงศักดิ์ จะเคยเห็นคนเช่นเหอซื่อที่ใดกัน นางโกรธจนปากสั่น “ข้าจะมาจวนสกุลหลีหรือไม่ เจ้าไม่มีสิทธิ์ห้าม…”
เหอซื่อคว้าไม้ขนไก่ที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กด้านข้างมาได้ก็ฟาดใส่ นางฟาดไปด่าไป “ข้าไม่มีสิทธิ์ห้ามอย่างนั้นหรือ นางเด็กน้อยน่าชัง วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าอย่างน้อยมือเป็นของข้า ข้าอยากทำอะไรก็ได้”
ตู้เฟยเสวี่ยหลบเป็นพัลวัน หลีเจี่ยวถลันเข้ามาเอาตัวบังตู้เฟยเสวี่ยไว้พลางพูด “น้องเฟยเสวี่ย เจ้ากลับไปก่อนเถอะ กลับไปก่อนสิ”
เด็กสาวที่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกจากจวนสกุลหลีเพียงรู้สึกว่าอับอายขายหน้าไปทั้งชาติ
หลีเจี่ยวคุกเข่าลงเผชิญกับสายตาวาวโรจน์ด้วยไฟโทสะของเหอซื่อ “ท่านแม่ เป็นความผิดของข้าคนเดียว ข้าไม่ได้ดูแลน้องเจาให้ดี…”
เหอซื่อไม่แม้แต่จะมองนางสักแวบหนึ่ง โยนไม้ขนไก่ทิ้งแล้วสาวเท้าออกไป ยังกล่าวถ้อยคำหนึ่งเสียงห้วนตอนเดินผ่านข้างกายหลีเจี่ยว “โทษเจ้าไม่ได้ เดิมทีข้าก็ไม่เคยฝากความหวังไว้ที่เจ้ามาก่อน”
หลีเจี่ยวมองตามแผ่นหลังของเหอซื่อที่เดินจากไปแล้วกัดริมฝีปาก
เหอซื่อก้าวขาข้างหนึ่งออกจากประตูก็พบกับฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง นางถามไถ่อย่างร้อนรน “ท่านว่าสมควรทำฉันใดดีเจ้าคะ ขอแค่ให้คนที่ทำร้ายเจาเจาได้รับผลกรรม จะให้ข้าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!”
“เรื่องแรกไปบอกกล่าวเจ้าใหญ่กับฮุยเอ๋อร์ก่อน ให้พวกเขากลับมาให้หมด คุณหนูในจวนโดนดูหมิ่นเหยียดหยาม พวกบุรุษจะไม่รู้เรื่องรู้ราวสักนิดไม่ได้ เรื่องที่สอง พรุ่งนี้เป็นวันที่เจาเจาต้องไปอารามซูอิ่งพอดี ส่งปิงลวี่ไปแจ้งที่นั่นว่าเจาเจาถูกคนทำร้ายเสียโฉม พรุ่งนี้ไปไม่ได้แล้ว เรื่องที่สาม…” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งหยุดพักหายใจ “เจ้ากลับไปดูแลเจาเจาให้ดี ข้าจะนั่งขอความเป็นธรรมตรงหน้าประตูที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน รอพวกเจ้าใหญ่กลับมาแล้ว อย่าลืมบอกให้พวกเขาผลัดกันไปส่งน้ำส่งข้าวให้ข้าด้วย”