บทที่ 177
เหอซื่อฟังแล้วตะลึงงันไปนานครู่ใหญ่ถึงอ้าปากพูด “ฮูหยินผู้เฒ่า…ให้ข้าไปดีกว่าเจ้าค่ะ”
“เจ้าไม่ได้ เรื่องในวันนี้ข้ามอบหมายให้ทำอย่างไร เจ้าก็ทำไปตามนั้น” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งแสดงความดุดันออกมาทั้งสีหน้าและน้ำเสียงอย่างหาได้ยาก
“เจ้าค่ะ ข้าทราบแล้ว” ในยามคับขัน เหอซื่อเห็นว่าน่าจะเชื่อถือมารดาสามีได้มากกว่าตนเอง จึงรีบไปเตรียมการต่างๆ โดยไม่โต้แย้งต่อ
หลีเจี่ยวซึ่งซ่อนตัวอยู่หน้าประตูได้ยินบทสนทนาของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกับเหอซื่ออย่างชัดเจน นางหน้าถอดสีทันใด
ท่านย่าจะไปที่หน้าประตูที่ว่าการกององครักษ์จินหลินได้อย่างไร
ตำแหน่งของท่านพ่อจะทำอย่างไร แล้วตำแหน่งของท่านอารองอีกเล่า ถ้าเกิดล่วงเกินองครักษ์จินหลินเข้า หลุดจากตำแหน่งอาจจะเป็นสถานเบา ดีไม่ดีต้องบ้านแตกสาแหรกขาดก็เป็นได้
ไฉนท่านย่าต้องทำถึงเพียงนี้เพื่อหลีซาน หรือว่าจะให้คนทั้งตระกูลต้องย่อยยับไปด้วยกันเพราะนางเสียโฉม
หลีเจี่ยวร้อนใจประหนึ่งมดบนกระทะร้อน อยากปรี่เข้าไปพูดกล่อมฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งไว้ แต่นางรู้ว่าถึงแม้ปกติท่านย่าจะใจดีไม่เข้มงวด แต่เรื่องที่ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะทำแล้ว ถึงเป็นนางก็ห้ามไม่อยู่ ซ้ำมีแต่จะโดนตำหนิดุด่าเปล่าๆ ปลี้ๆ เท่านั้นเอง
นางกลอกตาไปมาแล้วก้าวขาวิ่งตะบึงไปเรือนจินหรง
ในเรือนจินหรง ผลดิบดกดื่นบนต้นไห่ถังถ่วงจนปลายกิ่งโน้มห้อยลง หลิวซื่ออยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำกำลังสอนบุตรสาวสองคนปักผ้า
ยามนี้แสงแดดแจ่มจ้างามตา คุณหนูสี่หลีเยียนกับคุณหนูหกหลีฉานแยกกันนั่งบนม้านั่งหินหุ้มเบาะแพรอยู่ใต้ต้นไห่ถัง ต่างคนต่างถือสะดึงปักผ้าไว้ในมือ คนพี่รับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ขณะที่คนน้องทำท่าเบื่อหน่ายเหลือแสน
หลิวซื่อเอื้อมมือไปเขกศีรษะหลีฉานแล้วพูดดุ “เอาแต่เหม่ออยู่ได้ เจ้าก็อายุไม่น้อยแล้ว เรียนอะไรยังคงไม่ใฝ่ใจ วันหน้าจะทำอย่างไร ข้าจะบอกพวกเจ้านะ เท่าที่ข้าเฝ้ามองอยู่ด้านข้างในช่วงที่ผ่านมา ถ้าพวกเจ้าอยากเหนือกว่าคุณหนูสาม เกรงว่ามีแค่เรื่องเดียวก็คือเย็บปักถักร้อย…”
สิ้นเสียงหลิวซื่อไม่ทันไร มีสาวใช้ส่งเสียงรายงาน “นายหญิง คุณหนูใหญ่มาเจ้าค่ะ”
นางมองปราดเดียวก็เห็นหลีเจี่ยวยืนอยู่ตรงหน้าประตูเรือน จึงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย “คุณหนูใหญ่มาแล้วหรือ มีเรื่องอะไรใช่หรือไม่”
หลีเจี่ยวย่อกายคำนับนาง “ท่านอาสะใภ้รอง ท่านรู้หรือยังว่าเกิดเรื่องขึ้นกับน้องเจาแล้ว”
หลิวซื่อใจหล่นดังตุบ
แย่แล้ว เกิดเรื่องขึ้นกับคุณหนูสามอีกแล้ว หนนี้ถึงคราวเคราะห์ร้ายของใครล่ะนี่
หลิวซื่อไม่มีแก่ใจถามซักไซ้ หันขวับไปตะโกนบอก “เยียนเอ๋อร์ ฉานเอ๋อร์ พวกเจ้ากลับไปอยู่ในห้องก่อน”
หลีเจี่ยวอึ้งงันไป นี่ท่านอาสะใภ้รองทำอะไร นางยังไม่ได้บอกว่าเรื่องใดเลยก็ให้พวกน้องสี่ไปหลบแล้ว
หลิวซื่อหันหน้ามา “เอาล่ะ ตอนนี้คุณหนูใหญ่เล่าให้ข้าฟังทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณหนูสาม”
“วันนี้น้องเจาไปร่วมงานสังสรรค์ของชุมนุมฟู่ซาน…”
หลีเยียนเพิ่งเดินไปถึงหน้าห้องก็วิ่งกลับมา “พี่เจาเข้าร่วมชุมนุมฟู่ซานแล้วหรือเจ้าคะ”
หลีเจี่ยวคับอกคับใจระลอกหนึ่ง
หลิวซื่อถลึงตาใส่บุตรสาว
หลีเยียนพูดอ้อนวอน “ท่านแม่ ให้ข้าฟังด้วยเถอะนะ ข้ารับรองว่าจะไม่ก้าวออกนอกประตูเรือนเจ้าค่ะ”
หลิวซื่อถึงพยักหน้าแล้วมองไปทางหลีเจี่ยว
หลีเจี่ยวไม่เข้าใจสักนิดว่าพวกนางเป็นอะไรไป นางเม้มปากแล้วพูดเสียงรัวเร็วว่า “ตามธรรมเนียมจะให้รองหัวหน้าทดสอบชาวชุมนุมคนใหม่ น้องเจาสุ่มเลือกได้เจียงซือหร่านบุตรสาวของผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน นางเสนอให้ยิงธนู ผลปรากฏว่ายิงโดนใบหน้าน้องเจา น้องเจาเสียโฉมแล้ว ท่านย่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตอนนี้จะไปนั่งขอความเป็นธรรมที่หน้าประตูที่ว่าการกององครักษ์จินหลินแล้วเจ้าค่ะ”
หลิวซื่อได้ยินแล้วพิศวงงงงวย นางกะพริบตาปริบๆ “หลังจากนั้นเล่า”
“หลังจากนั้น…” หลีเจี่ยวแทบหน้ามืดเป็นลม นางอุตส่าห์วิ่งมาบอกเรื่องนี้ อาสะใภ้รองกลับนึกว่าฟังเรื่องเล่าอยู่ หรือว่าในเวลานี้ไม่สมควรหน้าซีดด้วยความตกใจแล้วไปเกลี้ยกล่อมท่านย่ากับนาง
“เช่นนี้แสดงว่าคุณหนูเจียงท่านนั้นหาเรื่องคุณหนูสามแล้ว?”
“ใช่…” หลีเจี่ยวพยักหน้าโดยไม่ทันคิดแล้วรีบเปลี่ยนคำพูด “ไม่ใช่ ท่านอาสะใภ้รอง ท่านฟังที่ข้าพูดไม่ชัดเจนหรือเจ้าคะ ท่านย่าจะไปนั่งขอความเป็นธรรมที่หน้าประตูที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน”
“ได้ยินแล้ว ดังนั้นก็เป็นคุณหนูเจียงท่านนั้นหาเรื่องคุณหนูสามสินะ” หลิวซื่อรู้สึกเฉกเดียวกันว่าหลีเจี่ยวพูดจาสับสนไม่รู้เรื่อง นางลอบถอนหายใจโล่งอก ดูท่าทางหนนี้น่าจะไม่มีใครในจวนเคราะห์ร้าย