ท่านสิบสามของพวกเขาเป็นอะไรไป ถึงกับตกใจกับบาดแผลบนใบหน้าของเด็กสาวผู้หนึ่ง นี่ไม่พ้องกับปกติวิสัยเอาเสียเลย!
เฉียวเจายืนอยู่ตรงหน้าเจียงหย่วนเฉา นางลอบสะทกสะท้อนใจ
นี่ก็คือองครักษ์จินหลิน ผู้ที่ไม่มีวันเป็นสหายได้ตลอดไป ด้วยไม่รู้ว่าวันใดที่ได้พบกันอีกครา อีกฝ่ายจะหันหลังให้อย่างสิ้นไมตรี
ฝ่ายเจียงหย่วนเฉาพลันรู้สึกว่าสายตาของเด็กสาวตรงหน้าบาดตาอยู่บ้าง จู่ๆ เขาก็เจ็บตรงกลางอกแปลบหนึ่ง ราวกับสูญเสียสิ่งสำคัญอะไรบางอย่างไป แต่เขากลับไม่อาจรู้ได้
น่าจะ…เป็นเพราะเห็นสิ่งที่สวยงามถูกทำลายลงอย่างโหดร้าย ในใจถึงบังเกิดความเสียหายกระมัง
เขาเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งเฉกเดียวกัน เป็นมนุษย์ก็ย่อมต้องมีเลือดเนื้อและจิตใจ
สีหน้าแววตาของชายหนุ่มอ่อนละมุนลง น้ำเสียงเขาสุภาพนุ่มนวลยิ่ง “คุณหนูหลี บาดแผลบนใบหน้าท่านไม่พึงโดนแสงแดดโดยตรง ท่านมิสู้เกลี้ยกล่อมท่านย่าของท่านเข้าไปในที่ว่าการก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีจะดีกว่านะ”
หลีกวงเหวินฉุนโกรธ “อย่าพูดคุยกับบุตรสาวข้า!”
เจียงหย่วนเฉาอึ้งงัน “…”
พวกองครักษ์จินหลินอึ้งงันมากยิ่งกว่า “…” ดูเหมือนสถานการณ์จะไม่เหมือนกับที่คิดไว้อยู่สักหน่อย
องครักษ์จินหลินสองคนในบรรดานั้นสบตากันแล้วแจ่มแจ้งในบัดดล
นึกออกแล้ว วันที่ฝนตกหนักวันนั้นมิใช่เจ้าคนทึ่มผู้นี้ขวางหน้าพวกข้าไว้แล้วด่าทอสาดเสียเทเสียหรือ ท่านสิบสามไม่เพียงไม่ถือสาหาความ ยังให้พวกข้าพาเจ้าคนทึ่มที่หลงทางผู้นี้ไปส่งถึงเรือนอีกด้วย
หรือว่าท่านสิบสามใจกว้างถึงเพียงนี้เพราะคุณหนูหลีท่านนี้?
องครักษ์จินหลินทั้งสองรู้สึกได้เลาๆ ว่าค้นพบเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง ทว่ายังบอกคนอื่นไม่ได้!
เฉียวเจานิ่งมองเจียงหย่วนเฉาเงียบๆ นางนึกในใจ
มิน่าเจียงหย่วนเฉาอายุยังน้อยๆ ก็เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินได้แล้ว ตัดสินใจได้เด็ดขาดฉับไวจนคลี่คลายสถานการณ์ที่ท่านย่าสร้างขึ้นได้มากกว่าครึ่ง เพียงความใจกล้าเชื่อมั่นในตนโดยไม่กลัวเสียงประณามก็หาได้ยากแล้ว
สำหรับชื่อเสียงของคุณหนูเจียง…
ในใจเฉียวเจาชักสับสนงุนงง
ดูท่าทางเจียงหย่วนเฉามิได้ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของคุณหนูเจียงสักเท่าไร
เพราะเห็นว่าไม่ว่าชื่อเสียงของคุณหนูเจียงจะเป็นเช่นไร คนอื่นล้วนได้แต่เก็บไว้ในใจไม่กล้าพูดซึ่งๆ หน้าใช่หรือไม่
เฉียวเจาลอบยิ้มเยาะ นางไม่กระทำเรื่องที่เสียเปรียบ ในเมื่อเจียงซือหร่านยิงธนูดอกที่สามแล้ว วันหน้าก็จะคบหาสมาคมกับหมู่สตรีชั้นสูงไม่ได้อีก
องครักษ์จินหลินอาจมีอำนาจบารมีล้นฟ้า ทว่าท้ายที่สุดแผ่นดินนี้หาใช่แผ่นดินของพวกเขาไม่ เพียงแต่คุณหนูเจียงไม่เคยสำเหนียกถึงจุดนี้มาก่อนเท่านั้นเอง
จุดมุ่งหมายของท่านย่าลุล่วงไปเกินครึ่ง ตอนนี้เจียงถังจะขอขมาหรือไม่มิใช่เรื่องสำคัญ เพราะทุกคนล้วนเห็นว่าชาวสกุลหลีก้าวออกมาแล้ว
สิ่งที่พวกท่านย่าต้องการในขณะนี้คือเอาตัวรอดไปได้อย่างปลอดภัยหลังได้พบกับเจียงถัง
แล้วเรื่องนี้คือหน้าที่ของนาง
ปัญหาที่นางก่อขึ้นย่อมสมควรให้นางสะสางเป็นธรรมดา
เฉียวเจาผงกศีรษะน้อยๆ กับเจียงหย่วนเฉา
เขาลอบผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่ง ดีชั่วในครอบครัวนี้ก็มีคนที่เข้าใจเหตุผลผู้หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นเชิญทุกท่านเข้าไปข้างในเถอะ”
เฉียวเจาหันหน้าไปพยักพเยิดกับฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง
นางไม่ได้กล่าววาจาสักคำ แต่พอสบสายตาสุขุมเยือกเย็นของหลานสาว ในใจหญิงชราก็บังเกิดความมั่นใจแล้วโดยพลัน
ในเมื่อนางตั้งความหวังให้หลานเจาปกป้องดูแลลูกหลานรุ่นหลังในภายภาคหน้า ไยวันนี้ไม่ฉวยจังหวะนี้ดูฝีมือของหลานเจาเล่า
บางทีสิ่งที่นางต้องมอบให้หลานเจามากขึ้นคือความไว้ใจและการสนับสนุน
“ได้ พวกเราเข้าไปรอข้างใน” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งลุกขึ้นในที่สุด
ชะรอยจะนั่งนานเกินไป อีกทั้งสูงวัยแล้ว หญิงชราตัวเซไปวูบหนึ่ง
“ฮูหยินผู้เฒ่าระวังเจ้าค่ะ!” เหอซื่อพยุงมารดาสามีไว้
เฉียวเจาหลับตาลงกลั้นน้ำตาไว้ นางคาดคำนวณไว้หมดทุกสิ่ง ลืมเลือนเพียงอย่างเดียวก็คือความห่วงใยและสงสารของชาวสกุลหลี
วันหน้าไม่มีซ้ำสองอีก…
เฉียวเจาลืมตาขึ้นอีกครา ชำเลืองมองเจียงหย่วนเฉาแวบหนึ่งก่อนย่างเท้าเข้าไป
เขาอึ้งไปเล็กน้อย แม่นางน้อยร่ำไห้แล้วใช่หรือไม่
สายตาของชายหนุ่มกวาดผ่านพวงแก้มที่เป็นแผลของเด็กสาวแล้วเลื่อนลงมองปราดหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ เขานิ่งขึงไปกะทันหัน
ตรงเอวของนางเหน็บถุงผ้าปักไว้ใบหนึ่ง ปักลายลูกเป็ดน่ารักน่าเอ็นดูไว้ตรงมุม แต่ตาเป็ดสีเขียวสดใสราวกับผิวน้ำทะเลสาบในวสันตฤดูคู่นั้นกลับทำให้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น