บทที่ 183
แรกวสันต์จวนมาเยือน สายน้ำอุ่นเป็ดรู้ก่อน*
ดวงตาเป็ดที่ปักเป็นสีเขียว เขาเคยเห็นมาแล้ว
ฤดูใบไม้ผลิของแดนเจียงหนาน* งดงามหนักหนา เฝ้าคะนึงหาหญิงในดวงใจยากลืมเลือน
ริมฝีปากของเจียงหย่วนเฉาไม่หลงเหลือรอยยิ้มให้เห็นอีก สีหน้าปึ่งชาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เขาคว้าข้อมือเฉียวเจาหมับพานางเข้าไปในที่ว่าการ
พวกองครักษ์จินหลินตกใจจนอ้าปากค้าง
องครักษ์จินหลินสองคนที่จำหน้าหลีกวงเหวินได้สบตากันพลางคิดคำนึงอย่างใจตรงกัน
ใจร้อนเกินไปแล้ว ดีชั่วใต้เท้าก็ต้องรอให้บิดาของนางกลับไปแล้วสิ!
หลีกวงเหวินโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “บัดซบ! ปล่อยบุตรสาวข้านะ”
ถึงเขามีเรือนกายผอมบาง แต่พละกำลังที่ปลดปล่อยออกมาในเวลานี้กลับไม่น้อยเลย ทั้งพวกองครักษ์จินหลินกำลังงุนงงกับการกระทำของท่านสิบสามของพวกตนอยู่ ชั่วขณะที่เขาโถมเข้าใส่ก็โดนชนกระเด็นกันไปคนละทิศละทาง
เจียงหย่วนเฉากล่าวคำหนึ่งห้วนๆ โดยไม่เหลียวหลัง “เชิญพวกเขาไปนั่งในเรือนก่อน”
เมื่อมีคำกล่าวนี้ของผู้บังคับบัญชา องครักษ์จินหลินก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร พวกเขาเชื้อเชิญกึ่งบังคับพวกฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเข้าสู่เรือนทันที
เฉียวเจาไม่คิดว่าเจียงหย่วนเฉาจะเสียสติกะทันหัน ร่างนางเซถลาอย่างตั้งตัวไม่ติดจนกระเทือนถูกบาดแผล แต่กลับพูดไม่ได้อีก นางเจ็บจนน้ำตาร่วงทันใด
เมื่อเห็นน้ำตาของเด็กสาวอย่างไม่ทันตั้งตัว เจียงหย่วนเฉาอึ้งไป เขาคลายมือออกโดยไม่รู้ตัว
เฉียวเจายืนตัวตรงมองเขาโดยไม่ปริปาก
เจียงหย่วนเฉายื่นมือปิดประตูดังปัง
ภายในห้องเล็กๆ มีเพียงเขากับนางสองคน
“นี่ได้มาจากที่ใด” เขากระตุกถุงผ้าปักจากตรงเอวของเฉียวเจาแล้วยื่นไปตรงหน้านาง
ถุงผ้าปักใบนี้?
ดวงตาของเฉียวเจาเปล่งประกายวูบหนึ่ง หรือจะบอกว่าเมื่อครั้งที่นางช่วยชีวิตเขาไว้โดยไม่ตั้งใจในตอนนั้น เขาสังเกตเห็นถุงผ้าปักเช่นนี้
คนผู้นี้ไม่เสียทีที่เป็นองครักษ์จินหลิน ผ่านมาตั้งนานหลายปี ถึงกับจดจำถุงผ้าปักพกติดกายของเด็กสาวที่พานพบกันโดยบังเอิญได้อย่างแม่นยำเช่นนี้
“ไฉนไม่พูดไม่จา” เจียงหย่วนเฉายกมือดันตัวเฉียวเจาไปชิดผนังห้อง ดวงตาทั้งคู่ตรึงแน่นอยู่ที่นางราวกับตะขอเกี่ยว
เฉียวเจาหลับตาลง นี่เป็นเรื่องยุ่งยากที่เหนือคาดจริงๆ
บนเปลือกตาพลันมีบางสิ่งอุ่นๆ แตะลงมา เป็นนิ้วมือของอีกฝ่าย
“ลืมตาขึ้น” บุรุษผู้มีรอยยิ้มเป็นนิจใช้ปลายนิ้วลูบไล้เปลือกตาของนาง พลางพูดสั่งเสียงเย็นๆ
แล้วความเย็นเช่นนี้หาใช่ความเย็นที่ไร้ความร้อน มันละม้ายภูเขาไฟโดนหิมะน้ำแข็งปกคลุมไว้ที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ
เหตุใดเขาต้องสนใจมันถึงเพียงนี้ แม่นางเฉียวขุ่นเคืองแกมสงสัย
นางลืมตาขึ้นจะดีกว่า คนผู้นั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อมจนรับรู้ถึงลมหายใจได้แล้ว
“สิ่งนี้…ไปได้มาจากที่ใดกันแน่” นัยน์ตาทั้งคู่ของชายหนุ่มคมปลาบดุจใบมีด หมายมองทะลุไปถึงความคิดในใจของคนตรงหน้า
สุ้มเสียงของเขาทุ้มต่ำลง หากคำเตือนที่แฝงอยู่ในนั้นเด่นชัดเหลือเกิน “คุณหนูหลี ข้าไม่อยากพูดซ้ำเป็นครั้งที่สามนะ”
ถ้าไม่ใช้วาจาพิฆาตอีกฝ่าย ก็ใช้กำลังกำจัดอีกฝ่ายทิ้ง จนใจที่ยามนี้แม่นางเฉียวไม่มีทั้งสองอย่าง แม้นนางจะโกรธเคืองสุดจะกล่าว ก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม จับมือของเจียงหย่วนเฉาขึ้นมา
เขาหลุบตาลง
ฝ่ามือเรียวบางนุ่มนิ่มของเด็กสาวมีขนาดเล็กกว่าเขามากมายนัก นางใช้นิ้วชี้เขียนทีละขีดๆ เป็นตัวอักษรตรงกลางฝ่ามือเขา
นางเขียนคำแรกว่า ‘เจ็บ’ ก่อน จากนั้นเหลือบตามองเขาเงียบๆ
จู่ๆ เจียงหย่วนเฉาก็ไม่ใคร่กล้ามองตาเด็กสาวกะทันหัน
เมื่อครู่นี้เขา…วู่วามเกินไปจริงๆ!