จูอู่ซึ่งกำเม็ดหมากดำไว้ในมือทำหน้าจนปัญญา “ไม่ใช่ข้าไม่อยากเลิก แต่สือซีใช้เวลาคิดมาหนึ่งเค่อแล้วโอ้เอ้ไม่ยอมวางหมากเสียที”
หยางเอ้อร์กวาดตามองกระดานหมากปราดหนึ่งก่อนส่ายหน้าแล้วกล่าวขึ้น “สือซี นี่เจ้าจนแต้มแล้ว รีบยอมแพ้เถอะ อย่าทำให้ทุกคนเสียเวลาเลย”
ฉือชั่นคีบเม็ดหมากขาวใสแวววาวเม็ดหนึ่งด้วยปลายนิ้วเรียวยาว พูดด้วยสีหน้าไม่พึงใจ “จะยอมแพ้ได้อย่างไร ข้ายังไม่เคยเดินหมากแพ้มาก่อนนะ”
หยางเอ้อร์แค่นเสียงหัวร่อ เปิดโปงสหายต่อหน้าเฉียวเจาโดยไม่เกรงใจสักนิด “เจ้าย่อมต้องไม่เคยแพ้แน่นอน เวลาที่เจ้าเดินหมากหนึ่งก้าวเท่ากับชาวบ้านเล่นจบกระดานหนึ่ง ลงท้ายยังเดือดเนื้อร้อนใจว่าคนอื่นไม่เดินกับเจ้าแล้ว”
ฉือชั่นทำเสียงฮึเยาะๆ “เจ้าจะไปรู้อะไร นี่เพราะข้าคิดอย่างละเอียดลึกซึ้ง”
หยางเอ้อร์เบือนหน้าหนีอย่างขัดเคือง
คิดละเอียดลึกซึ้งอะไรกัน นี่มันหน้าด้านไร้ยางอายชัดๆ!
วันนี้คนครัวทำแกงเผ็ดปลา กลิ่นหอมของมันชวนให้น้ำลายสอท้องร้องจ๊อกๆ จูอู่ชูมือขึ้นพร้อมพูดอย่างทนไม่ไหวในที่สุด “ข้ายอมแพ้แล้ว พอใจหรือไม่ กินข้าวเถอะ”
ฉือชั่นยึดตัวเขาไว้ “ทำเช่นนี้ไม่ได้ พวกเราวัดกันที่ฝีมือมาแต่ไหนแต่ไร”
จูอู่กับหยางเอ้อร์กุมขมับพร้อมกัน
หยางเอ้อร์พูดบ่นเสียงเบา “อยากให้สาวน้อยสาวใหญ่ในเมืองหลวงที่หลงเสน่ห์เจ้าพวกนั้นได้เห็นโฉมหน้าแท้จริงของเจ้าเสียจริง!”
“แค่กๆ” ฉือชั่นส่งเสียงไอดังๆ แล้วตวัดมองเฉียวเจาแวบหนึ่ง
ถ้อยคำนี้กล่าวต่อหน้าแม่นางน้อยไม่เหมาะไม่ควรจริงๆ หยางเอ้อร์รู้ตัวว่าพลั้งปากไปก็ยิ้มอย่างเก้อกระดาก
“ผู้ชมหมากไม่พูดมาก จื่อเจ๋อ พวกเราเดินหมากกันต่อ ฝ่ายหมากขาวต้องมีทางออกอีกแน่ ข้าแค่คิดไม่ออกตอนนี้เท่านั้น”
“ดูทีว่าคงไม่ได้กินอาหารในชั่วประเดี๋ยวประด๋าวนี้แล้ว” หยางเอ้อร์บอกกับเฉียวเจา
นางกุมหน้าท้อง ชะรอยว่าร่างกายของแม่นางน้อยหลีเจาจะอ่อนแอ ผิดเวลาไปครู่เดียวก็เริ่มปวดท้องแปลบๆ
นางลิ้มรสความเจ็บปวดจากการถูกคมธนูเสียบทะลุอกบนกำแพงเมืองเยี่ยนที่แดนเหนือมาแล้ว บัดนี้ตราบเท่าที่สถานการณ์อำนวย นางไม่อยากทนรับความทรมานใดๆ อีก
อุตส่าห์ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง นางจะพยายามดีต่อตนเองให้มากขึ้น
“ดวลหมากจบก็กินอาหารได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“แน่นอน…” หยางเอ้อร์ไม่ทันกล่าวจบ ก็เห็นเฉียวเจาหยิบเม็ดหมากขาวจากในโถวางลงบนกระดานหมาก
เขารีบเข้าไปขวางทว่าไม่ทันกาล ลอบอุทานว่าแย่แล้ว ปกติฉือชั่นเป็นคนนิสัยไม่เลว แต่มีข้อต้องห้ามอยู่สองสามอย่าง
หนึ่งในนั้นคือไม่ชอบให้ผู้อื่นรบกวนเขาเดินเวลาหมาก
ฉือชั่นทำสีหน้าเย็นชา “หลีซาน หมากล้อมมิใช่ของเล่นนะ”
จู่อูซึ่งมองกระดานหมากอยู่ตลอดพูดเสียงหลง “สือซี เจ้าดูสิ…”
ฉือชั่นไม่แยแสเสียงบอกของจูอู่ ปรายตามองเฉียวเจาพร้อมกับเผยรอยยิ้มบาดตา “หลีซาน เจ้าทำกระดานหมากข้ายุ่งเหยิงหมดแล้ว สมควรทำประการใดดีนะ”
“สือซี…”