เป็นสตรีที่ฉลาดเหลือเกิน นางกล่าวคำเดียวก็ทำให้องครักษ์จินหลินที่ประจำการอยู่ในจยาเฟิงต้องลงเรือลำเดียวกับพวกกวนจวินโหว ทั้งยังสร้างแรงกดดันมหาศาลให้แก่เจ้าเมืองหลี่
สตรีผู้นี้กำลังเดิมพันอยู่ เดิมพันว่าเจ้าเมืองหลี่จะยกเลิกการตีวงล้อมกำจัดกวนจวินโหวเพราะกริ่งเกรงองครักษ์จินหลินหรือไม่
ชนะเดิมพันเป็นเรื่องดีแน่นอน กลุ่มของกวนจวินโหวจะรอดไปได้อย่างปลอดภัย หากแพ้เดิมพัน หลังเหตุการณ์ผ่านไป เจ้าเมืองหลี่คงยากจะให้คำอธิบายกับกององครักษ์จินหลินทางเมืองหลวงได้ ท่านพ่อบุญธรรมต้องไปเอาเรื่องกับสมุหราชเลขาธิการหลันแน่นอน ด้านสมุหราชเลขาธิการหลันอยากดับไฟโทสะของท่านพ่อบุญธรรม ดีไม่ดีอาจสละเจ้าเมืองหลี่เป็นการแสดงน้ำใจก็เป็นได้
เมื่อเป็นเช่นนั้นถือว่านางเด็กน้อยผู้นี้ระบายความแค้นให้พวกกวนจวินโหวได้อีก
เจียงอู่โคลงศีรษะกับตนเอง เขาคิดได้อย่างไรว่านี่เป็นเด็กสาวธรรมดาๆ ผู้หนึ่ง ทำให้ท่านพ่อบุญธรรมมอบป้ายคำสั่งอักษรฟ้าให้ได้ นางยังต้องมีความพิเศษที่เขาไม่ล่วงรู้อีกเป็นแน่
เจียงอู่หันหลังกลับมองไปทางเจ้าเมืองหลี่
สีหน้าเขาเปลี่ยนไป “ท่านเจียงอู่ นี่ท่าน…”
เจียงอู่ยักคิ้วยิ้มๆ “คำกล่าวของคุณหนูหลีเมื่อครู่ ใต้เท้าหลี่สมควรได้ยินแล้ว”
เจ้าเมืองหลี่มองเฉียวเจาอย่างพินิจ จวบจนเพลานี้เขาเพิ่งเพ่งความสนใจไปที่ตัวแม่นางน้อยผู้หนึ่งเป็นครั้งแรก
เจียงอู่หมายความว่าอะไร
เจ้าเมืองหลี่เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีรางๆ เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากทีหนึ่งถึงกล่าวด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน “ได้ยินแล้วขอรับ แต่ข้าไม่ค่อยเข้าใจนัก…”
“ความต้องการของคุณหนูหลีก็คือความต้องการของข้า” เจียงอู่พูดเสียงราบเรียบ
บนหน้าผากของเจ้าเมืองหลี่มีเหงื่อแตกพลั่ก เขาถอยหลังครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว สีหน้าฉายรอยขุ่นมัว “ท่านเจียงอู่จะยื่นมือยุ่งเรื่องปราบโจรหรือ”
เจียงอู่ตวัดสายตามองอย่างปึ่งชา เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “โจรเร่ร่อนคือคนชุดดำพวกนั้นกระมัง ข้าไม่ก้าวก่ายใต้เท้าหลี่ปราบโจรแน่นอน ข้าแค่คุ้มครองความปลอดภัยของพวกกวนจวินโหวเท่านั้นเอง”
เจ้าเมืองหลี่ไม่นึกไม่ฝันว่าเรื่องที่หมายมั่นปั้นมือไว้จะเกิดเหตุพลิกผันเช่นนี้ เขาอดถลึงตามองเฉียวเจาอย่างดุดันไม่ได้
ล้วนเป็นเพราะนางเด็กตัวดีผู้นี้ พูดคำเดียวก็บีบให้ข้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้!
เขาแตกหักกับกวนจวินโหวแล้ว หากว่าคืนนี้ปล่อยอีกฝ่ายไปจะมีผลร้ายตามมาไม่สิ้นสุด ทั้งยังไม่อาจให้คำอธิบายต่อท่านสมุหราชเลขาธิการหลันอีก
ทว่าขณะนี้องครักษ์จินหลินแสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่ายืนอยู่ข้างเดียวกับกวนจวินโหว หากเขาไม่คิดจะละเว้นกวนจวินโหว ก็ต้องจัดการองครักษ์จินหลินพวกนี้ไปด้วยพร้อมกัน ถึงตอนนั้นก็ยากจะให้คำอธิบายกับทางเมืองหลวงดุจเดียวกัน
ในใจเจ้าเมืองหลี่ขัดแย้งกันอย่างหนัก ใบหน้าของเขาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวซีด
ที่ปรึกษาซึ่งยืนอยู่ด้านข้างกระซิบเตือน “ใต้เท้า พึงเด็ดขาด ไม่เด็ดขาดจะยุ่งยากไม่จบไม่สิ้น”
เจ้าเมืองหลี่ฉุกใจได้
อาจารย์หานกล่าวไม่ผิด บัดนี้ลูกธนูพาดอยู่บนสายแล้ว หรือว่ายังเก็บกลับที่เดิมได้อีก
เมื่อยิงลูกธนูดอกนี้ออกไปในวันนี้ต้องล่วงเกินเจียงถังผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินอย่างแน่นอน แต่ว่ากันว่าเจียงอู่ผู้นี้ถูกไล่มาอยู่จยาเฟิงเพราะสร้างความไม่พอใจให้เจียงถัง จะอย่างไรเจียงถังคงไม่ผิดใจกับท่านสมุหราชเลขาธิการหลันเพราะเจียงอู่ผู้เดียวกระมัง
จริงอยู่ว่าเพื่อคลายโทสะของเจียงถัง ท่านสมุหราชเลขาธิการหลันอาจจะลงดาบกับเขา แต่เขาทำงานให้ท่านสมุหราชเลขาธิการหลันมาหลายปีดีดัก ถึงไม่มีความชอบก็มีความดีอยู่บ้าง ท่านสมุหราชเลขาธิการหลันไม่มีทางทำกับเขารุนแรงเกินไปจนทำให้ผู้อยู่ใต้อาณัติต้องเสียขวัญกำลังใจ
ถึงอย่างไรถูกท่านสมุหราชเลขาธิการหลันลงโทษในภายหลังยังดีกว่าโดนกวนจวินโหวเอาคืนอย่างบ้าคลั่ง
นัยน์ตาของเจ้าเมืองหลี่ทอประกายกร้าว “ในเมื่อท่านเจียงอู่กล่าวเช่นนี้ ข้าคงต้องล่วงเกินแล้ว”
“ใต้เท้าหลี่ ท่านใจกล้าไม่น้อย อย่าเสียใจภายหลังก็แล้วกัน” เจียงอู่กล่าวเสียงปึ่งชา
ในกาลก่อนเขาประเมินเจ้าเมืองหลี่ผู้นี้ต่ำไปจริงๆ
“ลงมือ!” เจ้าเมืองหลี่ตัดสินใจได้แล้วย่อมไม่ลังเลอีก เขายกมือออกคำสั่ง
เหล่าทหารดาหน้าเข้าใส่
เซ่าหมิงยวนผลักเฉียวเจาไปอยู่ด้านหลัง ตะเบ็งเสียงบอก “เฉินกวง! คุ้มกันคุณหนูหลีกลับเข้าห้อง”
เฉียวเจาโดนเฉินกวงดึงแขนไว้ นางรู้ว่าจะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นในเวลานี้ไม่ได้ จึงตามเฉินกวงถอยกลับเข้าไปในเรือนแต่โดยดี
ไม่นานนักนางกับเซ่าหมิงยวนก็อยู่ห่างจากกันไกลระยะหนึ่ง
ใต้แสงไฟดวงตาลุ่มลึกของบุรุษผู้นั้นเปี่ยมล้นไปด้วยแววอ่อนโยนระคนปลอบประโลม
เฉียวเจาพลันรู้สึกแปลบปลาบตรงกลางอก นางตะโกนพูด “พี่เซ่าระวังตัวด้วยนะ!”