มารดาของซานตั้นยิ้มเยาะ “ผู้ใหญ่บ้าน เห็นหรือยัง หลานสาวท่านเป็นฝ่ายอยากออกเรือนไปที่สกุลหวังของพวกข้าเองนะ ท่านเป็นปู่จะค้านหัวชนฝาไปด้วยเหตุใดกัน จะโดนคนอื่นติเตียนเอาได้ ท่านวางใจเถอะ รอเมื่อซานหนีคลอดบุตรชายแล้ว พวกข้าจะแจ้งข่าวดี”
ผู้ใหญ่บ้านหลับตาลง
“ท่านปู่ ซานหนีขอร้องท่านเจ้าค่ะ” ซานหนีโขกศีรษะไม่หยุด
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านดังมาเข้าหูของผู้ใหญ่บ้านไม่ตกหล่นสักคำ ส่งผลให้ชายชรามีท่าทางสลดหดหู่ใจมากขึ้น เขาลืมตาขึ้นมองหลานสาวที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสายตาผิดหวังในตัวนางแวบหนึ่ง กล่าวทอดถอนใจว่า “ช่างเถิด สุดแท้แต่ใจเจ้า เจ้าเติบใหญ่แล้ว ท่านปู่ท่านย่าบงการชีวิตเจ้าไม่ได้”
ผู้ใหญ่บ้านกับภรรยาหมุนกายเดินเคียงคู่กันกลับเข้าเรือนแล้วปิดประตู
มารดาของซานตั้นตวัดสายตามองซานหนี พูดด้วยสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์ “เลิกคุกเข่าได้แล้ว เกิดกระทบกระเทือนหลานข้าจะทำฉันใด รีบตามข้าไปเถอะ”
ซานหนีลุกขึ้นยืนเหลียวมองรอบด้านด้วยแววตาเคว้งคว้าง จากนั้นเอ่ยกับมารดาของซานตั้น “ท่านรอสักครู่เจ้าค่ะ”
จู่ๆ นางก็วิ่งไปที่ริมถนน
มารดาของซานตั้นอึ้งไปเล็กน้อยถึงตะโกนพูด “นางตัวดีจะวิ่งไปที่ใด ยังขายหน้าชาวบ้านไม่พอหรือ ขืนกระทบกระเทือนหลานชายข้าล่ะก็ คอยดูข้าจะเล่นงานเจ้าอย่างไร!”
ซานหนีวิ่งเร็วฉิวมาหยุดเบื้องหน้าพวกเฉียวเจา
เซ่าหมิงยวนมุ่นคิ้วอย่างไม่ชอบใจ
ซานหนีคุกเข่าลงตรงหน้าเฉียวเจาดังตุบ
หางคิ้วของเฉียวเจากระตุกเบาๆ
ท่าทีปกป้องซานหนีของผู้ใหญ่บ้านกับภรรยาตลอดจนการเลือกของซานหนีเมื่อครู่นี้ นางมองเห็นกับตาทั้งหมด บันดาลให้ความรู้สึกที่มีต่อเด็กสาวผู้นี้สับสนปนเปเป็นพิเศษ
ซานหนีโขกศีรษะสองสามที “คุณหนู ซานหนีซาบซึ้งในความเมตตาและบุญคุณอันใหญ่หลวงของท่าน ข้าไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ ทำได้เพียงโขกศีรษะหลายๆ ครั้ง ขอให้ท่านอายุมั่นขวัญยืนและราบรื่นในทุกสิ่งเจ้าค่ะ”
คิ้วเข้มพาดเฉียงของแม่ทัพหนุ่มขมวดแน่นขึ้น
อวยพรแค่นี้เองหรือ ผู้ใหญ่บ้านยังรู้จักอวยพรให้เจาเจามีชีวิตคู่ที่สมบูรณ์พูนสุขเลยนะ
“รีบลุกขึ้นเถอะ ระวังจะกระทบกระเทือนเด็กในครรภ์” เฉียวเจาบอกเสียงเรียบ
พอได้ยินนางเอ่ยเตือน ซานหนีก็ลุกขึ้นยืนแล้วยกมือพยุงท้องตามสัญชาตญาณทันที
ครั้นภาพนี้ตกอยู่ในสายตาเฉียวเจา นางลอบถอนใจเฮือกหนึ่ง
ไม่ว่าก่อนหน้านี้ซานหนีจะประพฤติตนอยู่ในกรอบประเพณีหรือไม่ แต่นางรักบุรุษผู้นั้นจากใจจริง
บางทีอาจเพราะประทับใจกับท่าทางปกป้องบุตรตามสัญชาตญาณของซานหนี เฉียวเจาจึงกล่าวเสริมขึ้นอีกคำ “ซานหนี หากวันหน้าเจ้ารู้สึกว่าทนอยู่ไม่ไหวก็ไปที่สกุลเซี่ยในตรอกหมาเชวี่ยของตำบลไป๋อวิ๋นเถอะ สกุลเซี่ยกับสกุลเฉียวเป็นสหายเก่าแก่กัน เจ้าเอ่ยนามของกวนจวินโหว พวกเขาก็จะช่วยเหลือเจ้า”
หลังออกจากหมู่บ้านไป๋อวิ๋น เซ่าหมิงยวนหาโอกาสไต่ถามเฉียวเจาลับหลัง “เจาเจา เหตุใดเจ้าดีต่อซานหนีถึงเพียงนี้ ข้านึกว่าเจ้าต้องตะขิดตะขวงใจกับเด็กสาวผู้นั้นเสียอีก”
เพื่อซานหนีแล้วถึงกับดึงเขามาเกี่ยวข้องด้วย นี่จะทำให้ท่านลุงเซี่ยคิดอย่างไร ถ้าเกิดระแวงว่าเขามีใจเอื้ออาทรต่อหญิงงามกับซานหนีจะไม่ดีปานใด
เขาไม่อยากให้ท่านลุงท่านอาซึ่งเป็นตระกูลสหายเก่าแก่เหล่านี้ของครอบครัวเจาเจารู้สึกว่าอาจารย์เฉียวไม่ได้เลือกหลานเขยให้ดี
เฉียวเจาไม่ล่วงรู้ความคิดเล็กคิดน้อยของคนบางคนโดยสิ้นเชิง นางคลี่ยิ้มอย่างไม่เอาใจใส่ “จะบอกว่าดีก็ไม่เชิง ก็แค่เรื่องง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือเท่านั้น ข้าเพียงเห็นว่ากระทำผิดเหมือนกัน สตรีต้องแบกรับผลที่ตามมาหนักหนากว่าบุรุษมากนักเสมอ”
ดังนั้นความผิดพลาดเดียวกันนางถึงไม่คิดจะทำซ้ำสอง ออกเรือนเป็นการหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 16 ก.ย. 65 เวลา 12.00 น.