“เจ้ารอพวกข้าอยู่ที่โรงเตี๊ยมเถอะ” ฉือชั่นอมยิ้ม แววพึงใจฉายออกมาทางสายตาโดยไม่เก็บงำแม้แต่น้อย
คนผู้นี้อยากสลัดข้าทิ้งใจจะขาดกระมัง เฉียวเจาหลุบตาครุ่นคิด
กระนั้นนางไม่ตัดพ้อต่อว่าอะไร
เดิมทีนางกับสามคนนี้พานพบกันโดยบังเอิญ พวกเขายินยอมยื่นมือช่วยนางไว้สมควรซาบซึ้งในบุญคุณแล้ว
แต่คราวนี้ นางได้แต่ต้อง ‘เนรคุณ’ แล้ว
“ข้าอยากไปกับพวกท่านเจ้าค่ะ พี่ฉือให้ข้านั่งซ้อน…”
“ไม่ได้ ชายหญิงไม่พึงใกล้ชิดกัน” ฉือชั่นปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
ไฉนแม่นางน้อยถึงได้หน้าไม่อายถึงเพียงนี้นะ
“ข้าไม่ถือสา”
ฉือชั่นกลอกตาขึ้น พูดอย่างไม่ไว้หน้า “ข้าย่อมรู้ว่าเจ้าไม่ถือสา แต่ข้าถือสา!”
อย่าโทษว่าเขากล่าววาจาแล้งน้ำใจ หากเขาเป็นคนอ่อนโยนกว่านี้อีกสักนิด เกรงว่าตอนอยู่ในเมืองหลวงคงไม่กล้าออกนอกเรือนแล้ว
เฉียวเจาได้ยินฉือชั่นพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้กลับหัวเราะเบาๆ
ปีนั้นคนผู้นี้ก็ทำหน้าหนารบเร้าท่านปู่เช่นนี้ บัดนี้เปลี่ยนเป็นนางตามตื๊อเขา ช่างเข้าตำรากรรมสนองกรรมอยู่สักหน่อย
“เจ้าหัวเราะอะไร” ฉือชั่นมุ่นคิ้ว
แม่นางน้อยผู้นี้พิลึกพิลั่นอยู่บ้าง เขาไม่อาจมองนางเป็นเด็กสาววัยสิบสองสิบสามทั่วๆ ไปได้
“ข้าหัวเราะเพราะว่าหากหนนี้พวกท่านไม่พาข้าไปด้วย หวั่นใจว่ายากจะสมหวังดั่งประสงค์น่ะสิ”
นัยน์ตาของฉือชั่นทอแววกระด้างทันใด เขามองสบสายตาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของสาวน้อย หัวเราะหึๆ ก่อนพูดเยาะ “พวกเด็กสาวก็ชอบแสร้งมีลับลมคมใน นึกว่าทำเช่นนี้แล้วข้าจะพาเจ้าไปด้วยรึ ฮ่าๆ พาเจ้าไปก็ไม่มีอันใดเสียหาย เว้นแต่ว่าเจ้าบอกได้ว่าที่ที่พวกข้าจะไปคือสถานที่ใด”
“สือซี เจ้าเลิกเย้าแหย่หลีซานเสียที” หยางเอ้อร์เริ่มบังเกิดความสงสาร
จูเยี่ยนกล่าวเสริมขึ้น “นั่นสิ ไม่อย่างนั้นข้าขี่ม้าตัวเดียวกับนางเอง”
ฉือชั่นเลิกคิ้วสูง
จูเยี่ยนเป็นซื่อจื่อ* ของไท่หนิงโหว ไม่เพียงฐานะสูงศักดิ์ ยังมีความสามารถโดดเด่น ผ่านการสอบขุนนางได้เป็นจวี่เหริน** ตั้งแต่อายุยังน้อย
ปกติเขาดูเป็นคนสุภาพนุ่มนวล แท้จริงแล้วมีนิสัยถือตนอยู่หลายส่วน ทว่าตอนนี้กลับเต็มใจขี่ม้าตัวเดียวกับเด็กสาวผู้หนึ่ง ช่างน่าอัศจรรย์ใจดีแท้
จูเยี่ยนโดนฉือชั่นมองจนชักกระดากใจ เขากระแอมกระไอเบาๆ ก่อนกล่าว “อย่าคิดมาก ข้าเพียงรู้สึกว่าพานางไปก็ไม่มีอันใดเสียหาย”
ระดับฝีมือเดินหมากบ่งบอกอุปนิสัย สตรีที่เอาชนะเขาได้ด้วยความเก่งกาจเฉียบขาด ไม่น่าจะกระทำเรื่องอาศัยบารมีผู้สูงศักดิ์ไต่เต้าเลื่อนฐานะพรรค์นี้ได้ เหนือสิ่งอื่นใดนางยังเป็นเพียงแม่นางน้อยที่ยังไม่เจริญวัยเป็นหญิงสาวจริงๆ
“สกุลเฉียวที่สวนซิ่งจื่อ***” เฉียวเจาอ้าปากเปล่งเสียงกล่าวหกคำนี้
สายตาสามคู่หันขวับไปมองนาง
“เจ้ารู้ได้อย่างไร” หยางเอ้อร์หลุดปากพูด
เฉียวเจาโล่งใจขึ้นเล็กน้อย เดิมพันถูกแล้ว!
ฉือชั่นเคยมาเยี่ยมคารวะท่านปู่เมื่อสามปีก่อน มาตรว่าตอนนี้ท่านปู่จากไปแล้ว แต่พวกท่านพ่อล้วนกลับมายังจยาเฟิง นางนึกไม่ออกจริงๆ ว่าโอรสขององค์หญิงใหญ่ผู้ทรงเกียรติจะดั้นด้นรอนแรมมาถึงที่นี่โดยไม่ระย่อต่อความลำบากตรากตรำเพื่อเที่ยวเล่นเพียงประการเดียว
เป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะมาเยี่ยมคารวะท่านพ่อ