เขาอดส่งสายตาไปขอความช่วยเหลือจากหยางโฮ่วเฉิงไม่ได้
อีกฝ่ายยักไหล่ผายมือเป็นเชิงบอกว่าสุดปัญญาจะช่วยได้ และทำปากบุ้ยใบ้ไปทางเฉียวเจา
จูเยี่ยนตาเป็นประกาย จากนั้นก็ส่ายหน้า
ช่างเถิด ข้าทนรับกรรมเองก็สิ้นเรื่อง ไยต้องดึงแม่นางน้อยเข้ามาอีกคน
ฉือชั่นจับตามองการโต้ตอบทางสายตาของคนทั้งคู่อยู่ เห็นจูเยี่ยนปฏิเสธคำแนะนำของหยางโฮ่วเฉิง เขาตวัดสายตามองไปทางเฉียวเจาซึ่งนั่งอยู่ในมุมหนึ่งพลางพูดเรียบๆ
“หลีซาน มาเดินหมากเป็นเพื่อนข้า!”
เฉียวเจาได้ยินแล้วเรียวคิ้วกระตุกริก นางลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าฉือชั่นอย่างสงบ
จูเยี่ยนมองนางด้วยแววตาขอลุแก่โทษ ก่อนลุกขึ้นสละที่นั่งให้นาง
เฉียวเจานั่งลงเริ่มเดินหมากต่อจากที่คนทั้งสองเดินค้างไว้
จูเยี่ยนพิงราวรั้วกระซิบบ่นกับหยางโฮ่วเฉิง “สือซีสะกดความโกรธไว้เอง ไยต้องพาลใส่คนอื่นด้วย”
หยางโฮ่วเฉิงมองเฉียวเจาที่นั่งหันหลังให้เขาแวบหนึ่ง
สาวน้อยนั่งในอิริยาบถสง่างามดั่งดอกเหมยเบ่งบานอย่างเงียบเชียบเยือกเย็นดอกหนึ่ง
เขาหัวเราะแผ่วๆ พลางพูดสัพยอก “จื่อเจ๋อ นี่เจ้ารู้จักเป็นห่วงเป็นใยสตรีแล้วหรือ”
“อย่าพูดจาเหลวไหล นั่นยังเป็นเด็กสาวที่ยังไม่ปักปิ่นเลยนะ…”
“พูดเช่นนี้ รอนางปักปิ่นแล้วก็ทำได้สินะ”
“หยางโฮ่วเฉิง!” จูเยี่ยนทำหน้าตึง
หยางโฮ่วเฉิงเห็นสหายรักขุ่นใจจริงๆ ถึงหยุดล้อเล่น เขาพูดเสียงเบาว่า “เจ้ายังไม่รู้นิสัยแย่ๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของสือซีนั่นอีกหรือ ถ้าไม่ได้ระบายโทสะออกมา พวกเราอย่าหมายว่าจะได้อยู่อย่างสงบตลอดทาง”
“นี่ข้ามิได้เดินหมากเป็นเพื่อนเขาอยู่ตลอดรึ” จูเยี่ยนถอนใจเฮือก
ใครใช้ให้เขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการเดินทางมาจยาเฟิงคราวนี้เล่า มีเรื่องเคราะห์ร้ายอะไรเขาก็ต้องแบกรับไว้ก่อน คงได้แต่ยอมรับชะตากรรมแล้ว
“นั่นจะมีประโยชน์อันใด เจ้าดูไม่ออกหรือว่าสือซีกำลังชังน้ำหน้าแม่นางน้อยผู้นั้นอยู่ ก็ใครใช้ให้นางพูดอย่างมั่นใจเกินไปเองเล่า บอกว่าพานางไปเยือนสกุลเฉียวด้วยถึงจะได้สมหวังดั่งประสงค์ ผลสุดท้าย…”
พวกเขาสนทนากันอยู่ พลันได้ยินเสียงของกระทบกันดังใสกังวานลอยมา ก็หันไปมองเป็นตาเดียวกัน
ฉือชั่นโยนเม็ดหมากลงโถแล้วกล่าวเสียงปึ่งชา “ไม่เดินแล้ว”
เฉียวเจากำเม็ดหมากในมือ มองเขาปราดหนึ่งอย่างสุขุมใจเย็น
คนผู้นี้ใจไม่นิ่งพอ มิน่าตอนนั้นท่านปู่ไม่ยอมสอนเขา…
เมื่อคิดถึงท่านปู่ นางก็นึกไปถึงเหตุไฟไหม้นั่นแล้วร้าวรานใจ สีหน้าชืดชาดุจหุ่นกระบอก
ฉือชั่นเห็นแล้วคับข้องใจมากขึ้น เขาพูดอย่างยิ้มเยาะว่า “หลีซาน ไหนเจ้าพูดว่าไม่พาเจ้าไปด้วย ข้ายากจะสมหวังดั่งประสงค์มิใช่หรือ เช่นนั้นพาเจ้าไปด้วยแล้วผลลัพธ์เป็นเยี่ยงไรเล่า”
คำกล่าวนี้ประหนึ่งมีดคมกริบเล่มหนึ่งปักลงกลางอกเฉียวเจาอย่างหนักหน่วง
นางทนความเจ็บปวดไว้ ไต่ถามฉือชั่นเสียงค่อย “ไม่ทราบว่าพี่ฉือไปเรือนสกุลเฉียวประสงค์สิ่งใดหรือ”