ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 11
ตอนก้าวข้ามธรณีประตู คุณหนูใหญ่สกุลซูผู้นั้นยังสะดุดคราหนึ่งจนเกือบล้มลง เป็นเหตุให้สาวใช้ข้างกายพร่ำบ่นอย่างสงสาร
“คนอะไรก็ไม่รู้สมควรถูกสับเป็นชิ้นๆ จัดงานเลี้ยงดึกดื่นรบกวนคุณหนูจนนอนหลับไม่สนิทติดต่อกันหลายวัน…”
นางยังพูดไม่จบ คุณหนูใหญ่สกุลซูก็พูดตัดบทเสียงเบา “วันหลังห้ามพูดเช่นนี้ ระวังจะก่อปัญหาขึ้น…”
นายบ่าวคู่นั้นหาได้สังเกตเห็นบุรุษด้านหลังรถม้าไม่ ทางด้านหานหลินเฟิงก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้จากบทสนทนาสั้นๆ นี้
ดูเหมือนว่าการต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อของตนหลายวันมานี้จะรบกวนความสงบของเพื่อนบ้านคนงามเสียแล้ว แม่นางหลับไม่สนิทถึงได้ไหว้วานแมวน้อยมาส่งสารตักเตือน
สำหรับความเป็นมาของคุณหนูใหญ่สกุลซูผู้นี้ ชิ่งหยางสืบมาอย่างละเอียดแจ่มแจ้ง รวมถึงเรื่องในอดีตที่นางล้มศีรษะกระแทกจนเป็นต้นเหตุให้ตาบอด พลาดโอกาสได้ออกเรือนแล้วยังถูกส่งตัวไปอยู่ชนบท
หานหลินเฟิงฟังจบก็มั่นใจว่านางเป็นบุตรสาวพ่อค้าธรรมดา ดูเหมือนไม่มีคนหนุนหลังที่ทรงอำนาจหรือมีกำลังความสามารถใดจะมาคุกคามเขาได้ สองครั้งที่เขากับนางต้องมาข้องเกี่ยวกันก็คล้ายจะเป็นความบังเอิญจริงๆ
ชิ่งหยางซึ่งติดตามอยู่ข้างหลังนายน้อยมองเห็นซูลั่วอวิ๋นแล้วเช่นกัน เขาอดรู้สึกตกตะลึงไม่ได้พร้อมกับทอดถอนใจ แม้เขาจะเคยเห็นหญิงงามสะคราญและสูงศักดิ์มานับไม่ถ้วน แต่แม่นางที่ลงจากรถม้าผู้นี้มีรูปโฉมโนมพรรณงดงามละเมียดละไมอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ เพียงนึกเสียดายเมื่อเห็นนางทำท่าคลำหาทางอย่างระมัดระวัง ดูท่าน่าจะเป็นหญิงตาบอด เข้าตำราที่ว่าสวรรค์ริษยาหญิงงามโดยแท้!
เขาคิดคำนึงอยู่ในใจ หันหน้าไปก็เห็นนายน้อยยังคงมองตามแผ่นหลังของแม่นางผู้นั้น คงมิใช่เคลิบเคลิ้มในความงามของหญิงตาบอดด้วยอีกคนกระมัง
แต่แล้วเขาก็หัวเราะเยาะตนเองว่าคิดมากเกินไป
นายน้อยของเขาดูไปแล้วอาจกระทำตัวสำมะเลเทเมา แต่หาได้มีจิตใจหมกมุ่นในทางนี้ไม่ นายน้อยมิใช่ผู้ที่จะลุ่มหลงนารีอย่างเด็ดขาด นับประสาอะไรกับหญิงตาบอดที่มาจากตระกูลพ่อค้าผู้นั้น เกรงว่าต่อให้เป็นอนุก็ยังไม่คู่ควร…
ภายหลังชิ่งหยางรู้เรื่องแมวส่งสารแล้วเช่นกัน ถึงเขาไม่รู้ว่าซูลั่วอวิ๋นเคยนั่งเรือลำเดียวกับนายน้อย แต่กลับเห็นว่าคำกล่าวในจดหมายมีเหตุผล ก่อความรำคาญให้ชาวบ้านเป็นเรื่องเล็ก ทว่าวันบวงสรวงอดีตฮ่องเต้ใกล้จะมาถึงแล้ว นายน้อยไม่ควรจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ต่อจริงๆ
กระนั้นหานเฟิงหลินกลับใช้นิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะเบาๆ พลางกล่าวว่า “ลานเรือนคับแคบอยู่บ้าง ยังสนุกไม่สาแก่ใจ ได้ยินว่าหอสุราเปิดใหม่ที่ทะเลสาบเอี้ยนจื่อ นอกเมืองมีเวทีแสดงการขับร้องร่ายรำขนาดใหญ่ เจ้าไปจองเหมาทั้งหอแล้วจ้างพวกนางขับร้องจากหอคณิกาของเมืองหลวงมา ข้าจะทุ่มเงินก้อนโตจัดงานเลี้ยงรับรองยอดฝีมือตีคลีที่นั่น”
ชิ่งหยางฟังแล้วก็เบิกตากว้าง รู้สึกว่านายน้อยทำเช่นนี้ออกจะเหลวไหลเกินไปจริงๆ ใกล้ถึงวันบวงสรวงอดีตฮ่องเต้แล้วจะประพฤติตนเช่นนี้ได้อย่างไร
แต่เขาก็รู้ว่าความจริงแล้วนายน้อยเป็นคนที่มีความคิดอ่านลุ่มลึก เมื่อทำเช่นนี้ต้องมีเหตุผลแน่นอน
หลังจากชิ่งหยางท้วงติงไม่เป็นผล เขาก็ถอนใจคราหนึ่งแล้วออกไปปฏิบัติหน้าที่
นับแต่วันนั้นซูลั่วอวิ๋นก็ไม่ได้ยินเสียงดนตรีที่น่าขุ่นใจอีก นางสามารถนอนหลับได้เต็มอิ่มเสียที
ดูท่าว่าพระวิญญาณของอดีตฮ่องเต้จะทรงคุ้มครอง ช่วยกำราบบุตรหลานสำมะเลเทเมาไว้ได้ในที่สุด ซื่อจื่อผู้นั้นไม่กล้าจัดงานเลี้ยงสำเริงสำราญตลอดราตรีอย่างกำเริบเสิบสานอีก
เมื่อนางได้นอนหลับพักผ่อนเต็มที่ในเวลากลางคืน งานปรุงเครื่องหอมยามกลางวันก็ทำได้ง่ายดายสบายมือ แค่ว่าทุกครั้งที่ปรุงเครื่องหอม เหล่าเฝิงในร้านจะเป็นเหมือนแมลงวันตอมเนื้อเน่า ไล่อย่างไรก็ไล่ไม่ไป
ซูลั่วอวิ๋นรู้ว่าเหล่าเฝิงได้รับคำสั่งจากบิดาเป็นแน่ หมายจะเอาตำรับปรุงเครื่องหอมลับเฉพาะในมือของนางไป นางไม่จำเป็นต้องแสร้งตีหน้าถมึงทึงไล่คน เพียงอ้างว่าในร้านร้อนอบอ้าว ให้สาวใช้ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของนางออก สวมแค่เสื้อคลุมบางเบาขณะปรุงเครื่องหอม
ครานี้เหล่าเฝิงจะหาข้ออ้างเข้าๆ ออกๆ ห้องปรุงเครื่องหอมก็ไม่ถนัดปาก ได้แต่รอให้คุณหนูใหญ่นำของที่ปรุงเสร็จแล้วออกมา
รอจนกระทั่งปรุงขี้ผึ้งหอมเสร็จหนึ่งโถเล็ก เหล่าเฝิงก็พาช่างทำเครื่องหอมสองสามคนมานั่งล้อมรอบโถกระเบื้องใบน้อยช่วยกันแยกแยะกลิ่น หลังจากพินิจพิเคราะห์คราหนึ่ง แม้จะเดาส่วนผสมได้หลายอย่าง แต่ยังไม่แน่ใจว่าคุณหนูใหญ่ใช้วิธีอะไรกันแน่ถึงทำให้กลิ่นผลตั้นหลีกับกลิ่นบุปผาผสมกลมกลืนกันได้อย่างลงตัวเช่นนี้
ถึงอย่างไรวิธีปรุงสกัดวัตถุดิบที่ต่างกันก็มีผลต่อกลิ่นที่ได้เป็นอันมาก บางครั้งเรื่องวิธีทำนั้นสามารถดูออกได้เพียงผิวเผิน แต่ไม่อาจรู้แจ้งตลอด เช่นเดียวกับกระดาษกรุหน้าต่างที่เจาะไม่ทะลุปานนั้น
ตอนซูหงเหมิงได้ฟังคำรายงานของเหล่าเฝิง เขาก็โกรธมากจนเคาะกล้องยาสูบกับกระโถนบ้วนน้ำลายแรงๆ หลายที
“เจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกถึงเพียงนี้เชียวรึ! นางเหมือนใครกันแน่”
หูซื่อที่เสียชีวิตในวัยสาวไม่ใช่คนหวงวิชาเช่นนี้ ตอนนั้นนางคัดลอกตำรับเครื่องหอมที่ปรุงขึ้นห้าชนิดให้เขาทั้งหมดอย่างละเอียด แต่เหตุใดหลังจากนางลูกตัวดีคนนี้ตาบอดกลับคล้ายมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวขึ้น
ติงซื่อคอยรินชาให้นายท่านใหญ่สกุลซูอยู่ด้านข้าง เอ่ยปลอบเสียงอ่อนโยน “ข้าว่าตอนนี้ลั่วอวิ๋นให้ความสำคัญกับเงินทองมาก ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าจะปันกำไรให้นางตอนปลายปี แต่นางทนรอไม่ไหวจึงส่งเถียนมามามาทวงเงินอยู่เรื่อย ผู้ดูแลเคยเห็นเรือนของนางแล้วมีที่ต้องซ่อมแซมมากมายหลายจุดก็จริงอยู่ แต่ว่าไฉ่เจียนกำลังจะออกเรือน อีกทั้งระยะนี้ท่านก็ต้องสังสรรค์กับสหายขุนนางบ่อยๆ ในเรือนมีแต่เรื่องต้องใช้สอยเงินทอง วันก่อนข้าบอกนางว่าขณะนี้กำลังชักหน้าไม่ถึงหลัง ยังให้เงินค่าซ่อมแซมเรือนไม่ได้ชั่วคราว ให้นางรอไปก่อน แต่ดูเหมือนนางไม่พอใจ ยังแคลงใจว่าข้าเจตนาใจจืดใจดำกับนาง…เช่นนั้นนายท่านปันกำไรให้นางเพิ่มอีกดีหรือไม่เจ้าคะ”
🛒Pre-order เล่ม 1-5 คลิก > https://shorturl.asia/y3teQ
🛒Pre-order Value Box (เล่ม 5+Box) https://shorturl.asia/P8ca0