สำนักเซียนอวี้หู
เดิมทีเซี่ยหลิงปี้มุมานะฝึกบำเพ็ญอยู่ตลอด แต่วันนี้ตำหนักหลัวฝูได้ต้อนรับแขกที่ไม่ค่อยได้มาเยือนคนหนึ่ง
“ไหวอี้เป็นคนที่หากไร้เรื่องร้อนใจไม่ถ่อไปวัด” ใบหน้าของเซี่ยหลิงปี้เผยรอยยิ้มคลุมเครือ นั่งลงตรงข้ามผู้ที่มาแล้วเอ่ยว่า “วันนี้มาที่นี่คงมิใช่เพื่อพูดคุยความหลังกับข้ากระมัง”
นายท่านผู้เฒ่าซีที่อยู่ตรงข้ามเขาถอนหายใจคราหนึ่ง กล่าวว่า “หากมิใช่เพราะลำบากใจจริงๆ ข้ามีหรือจะมารบกวนปรมาจารย์หลิงปี้”
“ปรมาจารย์อะไรกัน” เซี่ยหลิงปี้แค่นเสียงเยาะหยันตนเอง “ก็แค่ตาเฒ่าที่ไม่มีประโยชน์อันใดผู้หนึ่งเท่านั้น”
นายท่านผู้เฒ่าซีเอ่ยว่า “ข้าไม่อ้อมค้อมกับท่านแล้วกัน เรื่องที่ตี้ซานเมิ่งจะรับใช้ราชสำนักคิดว่าท่านคงได้ยินมาแล้ว”
“ย่อมได้ยินมาแล้ว” เซี่ยหลิงปี้รินชาถ้วยหนึ่งให้เขาพลางพูด “สำนักเซียนก็มิได้อยู่อย่างสงบ หูได้ยินแต่เรื่องราวในโลกสามัญ”
นายท่านผู้เฒ่าซีเอ่ยว่า “ตี้ซานเมิ่งจะรับใช้ราชสำนักไม่ได้ พวกเราเผ่าภูตดินไม่ง่ายเลยกว่าจะก่อตั้งพันธมิตร ร่วมรุกร่วมถอย หลายปีมานี้เป็นเพราะตระกูลนักปรับปรุงพันธุ์พืชใหญ่ๆ แข็งแกร่งดุจป้อมปราการ ราชสำนักจึงทำอะไรพวกเราไม่ได้”
เซี่ยหลิงปี้หาได้สนใจบุญคุณความแค้นระหว่างตระกูลนักปรับปรุงพันธุ์พืชกับราชสำนักไม่ จะว่าไปแล้วเรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับเขาเล่า
ก็แค่สุนัขกัดสุนัข ขนเต็มปาก* เท่านั้น
เขาเอ่ยเสียงเรียบและเนิบช้า “ตระกูลนักปรับปรุงพันธุ์พืชกับราชสำนักมิพ้นทำเพื่อราษฎรและใต้หล้า พูดคุยกันดีๆ ก็ได้แล้ว”
นายท่านผู้เฒ่าซีร้องด่าในใจ แต่ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้ม เอ่ยว่า “หลิงปี้ล้อเล่นแล้ว มีความขัดแย้งกันอยู่ การเจรจาไฉนเลยจะแก้ปัญหาได้ วันนี้ข้ามาก็เพราะมีเรื่องจะหารือจริงๆ หลายปีมานี้เมื่อสำนักเซียนอวี้หูต้องการหญ้าเซียนหรือสมุนไพรที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์มาเป็นพิเศษ สกุลซีก็มิเคยละเลย”
“มิเคยละเลยจริงๆ” เซี่ยหลิงปี้ไม่ยอมถอยสักนิด “แต่ค่าตอบแทนที่สำนักเซียนอวี้หูมอบให้ตระกูลนักปรับปรุงพันธุ์พืชก็มิเคยละเลยเช่นเดียวกัน”
นายท่านผู้เฒ่าซีรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนเช่นไร จึงเอ่ยทันที “หากหลิงปี้ช่วยเหลือข้าครั้งนี้ เช่นนั้นต่อไปค่าตอบแทนที่สำนักเซียนอวี้หูต้องมอบให้ตระกูลนักปรับปรุงพันธุ์พืชย่อมสามารถละเลยได้แล้ว”
เซี่ยหลิงปี้อึ้งงันไปเล็กน้อย เขาเพิ่งลงจากตำแหน่งประมุขสำนักได้ไม่กี่ปีเท่านั้น เขารู้ว่าคำมั่นสัญญาที่นายท่านผู้เฒ่าซีมอบให้หมายถึงอะไร
นายท่านผู้เฒ่าซีเห็นอาการตอบสนองของเซี่ยหลิงปี้ทั้งหมด รู้ว่าเขาหวั่นไหวแล้วจึงยิ้มพลางเอ่ยว่า “จะว่าไปแล้วหากราชสำนักมีตี้ซานเมิ่งเกรงว่าคงแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น หลิงปี้ไม่รู้กระมัง ตี้ซานเมิ่งผู้นี้มีศาลบูชาอยู่ทั่วทุกแห่งหนในโลกสามัญ มีผู้ไปคารวะไม่ขาดสาย ควันธูปมากล้นทีเดียว”
เซี่ยหลิงปี้ตรึกตรองอยู่เนิ่นนาน จากนั้นก็ถามว่า “ท่านจะทำเช่นไร”
นายท่านผู้เฒ่าซีตอบ “กำจัดตี้ซานเมิ่ง ขอเพียงเรื่องนี้สำเร็จ นับแต่นี้ไปสกุลซีจะปรับปรุงพันธุ์หญ้าเซียนให้สำนักเซียนอวี้หู…ไม่ ให้หลิงปี้โดยมิกล้ารับค่าตอบแทนใดๆ อีก”
ค่าตอบแทนที่นายท่านผู้เฒ่าซีเสนอมาครั้งนี้ช่างใจกว้างจริงๆ ทำให้เซี่ยหลิงปี้เริ่มจะสั่นคลอน เขาตรึกตรองพักหนึ่ง นายท่านผู้เฒ่าซีก็พูดต่อ
“เพียงแต่เรื่องนี้เกรงว่าจะต้องปิดบังประมุขสำนักเซี่ย ครั้งก่อนเดิมทีข้าคิดจะกำจัดเด็กหวงหร่างผู้นั้น แต่ประมุขสำนักเซี่ยเข้ามาช่วยเหลืออย่างมีคุณธรรม”
วาจาเขาแฝงความนัย เซี่ยหลิงปี้ย่อมเข้าใจ เซี่ยหงเฉินไม่มีทางเห็นด้วยกับเรื่องนี้แน่นอน
เซี่ยหลิงปี้ถอนหายใจคราหนึ่ง “หงเฉิน เด็กคนนี้ใจกว้างเกินไป”
นายท่านผู้เฒ่าซีตอบ “มิผิด เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้แล้วกัน”
เซี่ยหลิงปี้ยกถ้วยชาขึ้น ร่วมดื่มกับอีกฝ่าย