ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 1-3
ถึงกระนั้นตี้อีชิวกลับฝึกบำเพ็ญจนก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เขาแบ่งกรมซือเทียนออกเป็นสี่กอง ได้แก่ มังกรเขียว กองพยัคฆ์ขาว กองวิหคเพลิง และกองเสวียนอู่ กองมังกรเขียวรับผิดชอบงานเอกสาร ตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่าย รวมทั้งต้องติดต่อประสานงานกับขุนนาง กองพยัคฆ์ขาวมีคุก ศิษย์ในกองส่วนใหญ่ทำงานอยู่ข้างนอก ปราบปีศาจขจัดมารร้าย ผดุงความถูกต้องแทนสวรรค์ ทั้งยังช่วยราษฎรจัดการปัญหาทั่วไป กองวิหคเพลิงทำหน้าที่หลอมยาลูกกลอนและหลอมวัตถุ ทั้งยังดูแลการเช่าที่นาเพาะปลูกหญ้าวิเศษ ปรับปรุงเมล็ดพันธุ์จำหน่ายส่วนกองเสวียนอู่เป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของศิษย์กรมซือเทียน มีเสียงท่องตำราดังตลอดทั้งวัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ พอผ่านมาร้อยกว่าปีกรมซือเทียนจึงค่อยๆ มีที่หยัดยืนท่ามกลางสำนักเซียนทั้งหลาย แม้ชื่อเสียงบารมีจะมิเท่าสำนักเซียนดั้งเดิมอย่างสำนักเซียนอวี้หู แต่ก็มีชาวบ้านไม่น้อยให้การสนับสนุน
หวงหร่างกำลังคิดถึงการประชันขันแข่งระหว่างราชสำนักกับสำนักเซียนตลอดหลายปีมานี้ จู่ๆ นิ้วมือทั้งห้าของตี้อีชิวก็รวบเข้าด้วยกัน รถม้าหน้าประตูรวมถึงคนขับรถม้าพลันลุกไหม้ดุจกระดาษ เพียงชั่วพริบตาก็สลายกลายเป็นควันบางเบา
เขาอุ้มหวงหร่างเดินเข้าไป องครักษ์สองคนหน้าประตูจำเขาได้จึงค้อมกายคารวะทันที แต่เมื่อเห็นในอ้อมแขนเขาเหมือนกำลังอุ้มบางสิ่งสีดำๆ ก็อดเหลือบมองอีกคราไม่ได้ ครั้นเห็นว่าในชุดคลุมกันลมสีดำเป็นเรือนผมยาวสลวย ดวงตาของทั้งสองก็เบิกถลนจนแทบจะเป็นไก่ดำทันที
ตี้อีชิวกลับมิได้ใส่ใจ เขาเพียงอุ้มหวงหร่างเข้าไปในจวน
ในสายตาหวงหร่างแลเห็นเพียงผืนฟ้าสีดำ บางครั้งมีกิ่งไม้วาดผ่านสายตาของนางไป แต่เนื่องจากแสงสว่างเลือนราง จึงมองเห็นได้ไม่ชัด
ข้างหูได้ยินเสียงดังเอี๊ยดอาด ตี้อีชิวผลักประตูบานหนึ่งและอุ้มนางเข้าไป
ภายในห้องมิได้จุดโคมไฟ มีเพียงความมืดมิด แต่เขากลับสามารถวางหวงหร่างลงบนเตียงได้โดยไร้อุปสรรค จังหวะที่เขาปล่อยมือ หวงหร่างเหมือนขาดที่พึ่งพิง นางรู้สึกประหนึ่งตนเองจมลงสู่ความมืดมนอนธการ
สิ่งที่วนเวียนอยู่รอบกายล้วนเป็นภูตผีปีศาจน่าสะพรึง
ศีรษะเริ่มเจ็บแปลบอย่างรุนแรง นางรู้สึกว่าตนเองหายใจลำบาก ทว่านางขยับตัวไม่ได้ แม้กระทั่งหายใจก็ยังหายใจไม่ออก
เคราะห์ดีที่จังหวะนี้เองแสงเทียนก็สว่างขึ้น ลามเลียความมืดมนจนกลายเป็นโพรงขนาดใหญ่ หวงหร่างโล่งอก เงาภูตผีปีศาจที่เริงระบำอยู่ข้างกายค่อยๆ เลือนหายไป ความเจ็บแปลบในศีรษะก็บรรเทาลงช้าๆ
หลังจากไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์มาเป็นเวลาสิบปี นางก็เริ่มหวาดกลัวความมืด
ตี้อีชิวมิได้สนใจนางอีก เดินเข้าไปในห้องด้านข้าง ครู่หนึ่งก็ออกมาอีกครั้ง เขาถอดชุดเข้ารูปสีดำตัวนั้นออกแล้วสวมเพียงเสื้อตัวในสีขาวราวหิมะ เขาเดินมายังหน้าเตียง มองดูหวงหร่าง คิ้วขมวดเข้าด้วยกัน
หวงหร่างพิศมองเขาอย่างละเอียด จึงพบว่าอันที่จริงเขามีรูปโฉมหล่อเหลาเอาการ คิ้วกระบี่เฉียงชี้ไปยังจอนผม สันจมูกสูงโด่ง แค่แววตาเฉียบคมเกินไป ริมฝีปากคู่นั้นก็บางเกินไป คนเช่นนี้ดูไปแล้วมิน่าเข้าใกล้นัก ชวนให้คนเกิดความหวั่นเกรงได้ง่าย
หวงหร่างนอนหงายอยู่บนเตียง ได้แต่ปล่อยให้เขาพินิจพิจารณาเช่นนั้น
ตี้อีชิวมองดูอยู่นานสองนาน จู่ๆ ก็อุ้มนางขึ้นมาแล้วพาไปยังห้องด้านข้าง หวงหร่างถึงได้พบว่าในห้องด้านข้างมีถังอาบน้ำอยู่ ที่แท้เป็นสถานที่อาบน้ำ
…สถานที่อาบน้ำ! เช่นนั้นเขาพาข้ามาที่นี่เพื่ออันใด หวงหร่างตื่นตระหนก
ตี้อีชิวตอบข้อกังขาของนางอย่างรวดเร็ว เขาวางหวงหร่างลงในถังอาบน้ำ ลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายยังคงยื่นมือมาเปลื้องอาภรณ์ของนาง
เอาเถิด
หวงหร่างไม่แม้แต่จะกะพริบตาสักครั้งด้วยซ้ำ ความจริงแล้วเรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัว เพราะเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ กำลังจะเกิดขึ้นกับนางอยู่แล้ว เทียบกับการมีสภาพเหมือนคนตายที่ยังหายใจอยู่ แค่ถูกบุรุษผู้หนึ่งล่วงเกินในระยะประชิดนับเป็นอะไรเล่า
ตี้อีชิวเป็นบุรุษ ยามเผชิญหน้ากับสตรีที่เคยปฏิเสธตนอย่างตรงไปตรงมาเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ไม่ว่าเขาจะทำอะไรล้วนไม่น่าประหลาดใจทั้งสิ้น ส่วนหวงหร่างเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น
ตี้อีชิวเปลื้องอาภรณ์ของนางออก ผิวพรรณของนางเผยออกมาทีละชุ่นเนื่องจากสายตาของนางจำกัดอยู่แค่ระยะแคบ นางจึงไม่เห็นสีหน้าของเขา ได้แต่ยอมรับทั้งอย่างนี้ จากนั้นตี้อีชิวก็เริ่มอาบน้ำให้นาง
ถังอาบน้ำใบนี้ก็น่าจะเป็นของวิเศษอีกชิ้นเช่นกัน ตี้อีชิวแค่ใช้มือทำมุทรา น้ำร้อนก็ไหลออกมาเอง ท่วมไหล่ทั้งสองข้างของนาง ความร้อนกำลังพอเหมาะ
เฮ้อ หากโปรยกลีบบุปผาลงไปสักหน่อย ผสมน้ำมันหอมลงไปสักนิดจะวิเศษสักเพียงใด สมัยก่อนนางมักจะผสมน้ำมันหอมลงในน้ำสำหรับอาบจนหอมฟุ้งไปทั้งสระ จากนั้นก็สวมเสื้อผ้าโปร่งบาง ยื่นปลายเท้าออกมาจนพ้นน้ำเพื่อยั่วยวนเซี่ยหงเฉิน
เซี่ยหงเฉิน ฮ่าๆ เซี่ยหงเฉิน
หวงหร่างไม่อยากจะคิดถึงชื่อนี้อีกแล้ว แต่มันยังคงผุดขึ้นมาในใจเป็นครั้งคราว
ตลอดสิบปีนี้นางตะโกนเรียกชื่อนี้ในใจนับครั้งไม่ถ้วน ทุกครั้งที่ร่ำร้องขอความช่วยเหลือล้วนต้องผิดหวัง
ถังอาบน้ำของตี้อีชิวไม่มีกลีบบุปผา ทั้งยังไม่มีน้ำมันหอม
แต่น้ำนั่นกลับอบอุ่นเหลือเกิน เพื่อความอบอุ่นอันเล็กน้อยนี้ หวงหร่างคิดว่าตนเองยอมแลกกับทุกสิ่ง มือของตี้อีชิวถูลาดไหล่นาง ท้องนิ้วของเขาหยาบกร้าน บาดผิวจนนางรู้สึกเจ็บ
สายตาของหวงหร่างหลุบลงมองดูน้ำ
ผ่านไปครู่หนึ่งนางก็เห็นน้ำค่อยๆ…เปลี่ยนเป็นสีดำ
ใช่แล้ว น้ำที่เดิมทีใสกระจ่างได้แปรเปลี่ยนเป็นสีดำขุ่นสกปรกทั้งถัง
ไม่ ไม่ใช่น้ำที่สกปรก
ห้วงสมองของหวงหร่างเกิดเสียงดังอึงอล ทุกสิ่งสับสนปั่นป่วนไปหมด…นางถูกขังอยู่ในห้องลับกลางเขาลึกของสำนักเซียนอวี้หูมาเป็นเวลาสิบปีเต็ม กลางเขาลึกแห่งนั้นมีฝุ่นดินและหยากไย่ทับถมอยู่ไม่รู้กี่ชุ่น อีกทั้งนางไม่ได้อาบน้ำมาสิบปีแล้ว
ข้านี่มัน…
น้ำถังแรกถูกเททิ้งไปอย่างรวดเร็ว
น้ำถังที่สองก็เริ่มดำขุ่น ตี้อีชิวใช้มือถูคราบดินชั้นแล้วชั้นเล่าออกจากร่างกายนาง…
หวงหร่างไม่อยากมองอีกแล้วจริงๆ
นางปีนป่ายจากการเป็นภูตดินตัวน้อยที่ชาติกำเนิดต่ำต้อยจนถึงตำแหน่งฮูหยินประมุขสำนักเซียนอันดับหนึ่ง มีหน้ามีตามาร้อยกว่าปี
แต่ร้อยกว่าปีให้หลังนางตกอยู่ในเงื้อมมือของบุรุษที่เคยรักใคร่ชอบพอนาง ทว่าถูกนางปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย และเขากำลังถูตัวให้นางจนน้ำในถังดำไปแล้วห้าถัง
ตลอดเวลาสิบปีความคิดจิตใจของหวงหร่างมีแต่ความโกรธแค้น เว้นเพียงชั่วขณะนี้ที่นางอับอายและโมโหแทบตาย
Comments
