ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 1-3 – หน้า 7 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 1-3

ไม่มีเครื่องประดับศีรษะ ทว่ามือของอาจารย์ชิวนั้นล้ำเลิศที่สุดในกรมซือเทียน เขาหาสายรัดเอวเส้นหนึ่งที่ทอจากเส้นไหมใยน้ำแข็งมา ผูกมันเข้ากับเส้นผมของหวงหร่าง แถบผ้าไหมมีลวดลายอยู่ พอจะฟื้นฟูสง่าราศีในวันวานให้นางได้หลายส่วน

เพียงแต่ใบหน้านางซีดเซียวเกินไป ริมฝีปากก็ขาดสีสัน

นางมองดูสตรีในคันฉ่อง สตรีในคันฉ่องก็มองตอบนาง สองฝ่ายต่างมีใบหน้าแข็งทื่อ แววตาว่างเปล่า แค่เพียงร้อยกว่าปีความหรูหราเลิศล้ำของนางก็โรยราจางหายไปโดยมิทันได้ตั้งตัวจริงๆ

รอจนแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ตี้อีชิวก็ไล่สาวใช้ที่เป็นเหมือนหุ่นออกไป จากนั้นก็สวมชุดคลุมกันลมตัวหนาและผูกสายให้หวงหร่าง ก่อนจะอุ้มนางออกจากประตู

หวงหร่างพลันมองเห็นลานเรือนในยามเย็น ความคิดในใจทั้งหมดถูกโยนออกไปจนหมดสิ้น

ที่นี่คือกองเสวียนอู่ ผู้คนที่สัญจรไปมาล้วนเป็นศิษย์ที่มาศึกษาเล่าเรียนในกรมซือเทียน ตี้อีชิวอุ้มหวงหร่างที่แต่งตัวเต็มยศเดินตัดลานเรือน ย่อมดึงดูดสายตาผู้คนได้ไม่น้อย

ศิษย์ทั้งหลายแยกกันยืนริมทาง หอบตำราคัมภีร์นานาชนิดพลางค้อมศีรษะคารวะ พยายามรักษาท่าทีสงบนิ่งไว้

หวงหร่างอิงซบอ้อมอกของตี้อีชิว แถบผ้าไหมบนศีรษะนางพลิ้วไหวน้อยๆ ตามจังหวะก้าวเดินของเขา

ตี้อีชิวอุ้มหวงหร่างมาจนถึงแปลงบุปผาแห่งหนึ่ง ในแปลงมีศิลาขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง บนนั้นเขียนคำสอนส่งเสริมการศึกษาด้วยลายมือฉวัดเฉวียน

หวงหร่างได้กลิ่นหอมอันคุ้นเคยมาแต่ไกล

เป็นกล้วยไม้ แค่ได้กลิ่นนางก็รู้แล้วว่าที่นี่ปลูกไว้กี่ต้น

ตี้อีชิววางนางลงบนพื้นและเอ่ยว่า “ปีที่แล้วข้าซื้อเมล็ดพันธุ์กล้วยไม้มาห่อหนึ่ง ว่ากันว่าเป็นเมล็ดพันธุ์ที่เจ้าปรับปรุงขึ้นเอง เพียงแค่หว่านเมล็ดไว้ตรงนี้โดยมิได้ใส่ใจ แต่ดอกกลับค่อยๆ บานสะพรั่ง ทั้งยังมีระยะการบานถึงหนึ่งปี กลิ่นหอมเข้มข้น น้ำค้างบนบุปผาล้วนถูกเก็บมาเป็นน้ำมันหอม”

อ้อ สิ่งนั้นหรือ บานได้ไม่ถึงปี หิมะแรกของปีโปรยลงมาเมื่อใด บุปผาก็จะโรยราเมื่อนั้น

หวงหร่างคิดในใจเงียบๆ แปลกจริงๆ ความทรงจำของนางสับสนมาหลายปีแล้ว แต่กลับยังจดจำระยะการบานของกล้วยไม้นี้ได้

นางเอนพิงตี้อีชิว สายตามองเห็นเพียงลายปักละเอียดบนชุดขุนนางของเขา มองไม่เห็นบุปผาอะไรทั้งสิ้น

ตี้อีชิวปล่อยให้นางเอนพิง มือขวาเริ่มปลดเสื้อขนสัตว์สีดำของตนออก

เอ๊ะ?หวงหร่างมองดูเขาถอดชุดคลุมตัวนอกด้วยมือเดียวตาค้าง นะ…นะ…นี่…แม้ท่านจะมีความชื่นชอบบางอย่างที่มิอาจบอกใครได้ แต่อยู่ต่อหน้าผู้คน อยู่ท่ามกลางลมหนาวเสียดกระดูก กระทำเรื่องเช่นนั้นในแปลงบุปผา เกรงว่าจะเหลวไหลเกินไปแล้วกระมัง…

อีกทั้งกองเสวียนอู่แห่งนี้ของท่านมีศิษย์มากมาย ท่านไม่กลัวใครจะมาเห็นเข้า สร้างความทรงจำอันเลวร้ายในวัยเยาว์ให้พวกเขาหรือ…

รูม่านตาของหวงหร่างหดเล็กลงจนเท่าปลายเข็ม ตี้อีชิวปูเสื้อขนสัตว์ลงบนพื้น จากนั้นก็ประคองนางให้นั่งลงบนนั้น

เอ่อ…

กล้วยไม้เบื้องหน้าใบอวบหนา ดอกก็บานสะพรั่งงดงาม มีหลากหลายสีสันทั้งสีเหลือง สีแดง สีขาว…

กล้วยไม้นี้ปลูกได้ดียิ่ง แม้มิอาจเทียบกับต้นที่นางปลูกเองกับมือได้ แต่นางเป็นภูตดิน ผู้อื่นปลูกได้ดีเพียงนี้ย่อมต้องทุ่มเทความคิดจิตใจไปมากแน่นอน คนอื่นไม่เข้าใจ แต่นางศึกษาเรื่องกล้วยไม้มาร้อยกว่าปีย่อมเข้าใจเป็นอย่างดี

“ชอบหรือไม่” ตี้อีชิวนั่งลงข้างกายนาง กุมมือนางไว้ จับปลายนิ้วของนางไปสัมผัสใบอวบหนาและกลีบดอกสีสันฉูดฉาดเหล่านั้น

ความจริงแล้วก็มิอาจพูดว่าชอบได้ ในฐานะภูตดินที่ชื่นชอบการปรับปรุงพันธุ์พืชเป็นชีวิตจิตใจ หวงหร่างพบเจอบุปผาที่งดงามมามากเหลือเกิน จะว่าไปแล้วกล้วยไม้ก็เป็นเพียงบุปผาพันธุ์หนึ่งเท่านั้น โลกภายนอกเล่าลือกันว่านางชื่นชอบกล้วยไม้ เหตุผลเพียงเพราะ…

เซี่ยหงเฉินชื่นชอบกล้วยไม้

ด้วยเหตุนี้นางจึงทุ่มเทเวลาร้อยกว่าปีเพาะเลี้ยงกล้วยไม้สายพันธุ์ดัดแปลงขึ้นนับไม่ถ้วน บุปผาเหล่านี้ไม่ต้องนำไปสกัด แค่ขยี้ดอกใบของมันก็สามารถนำไปทำเครื่องหอมได้

ไม่รู้ว่าตอนนี้ใครเป็นคนดูแลบุปผาในสำนักเซียนอวี้หูเหล่านั้น

“เจ้าหายตัวไปสิบปี โลกนี้ยากนักที่จะหาซื้อเมล็ดพันธุ์ที่เจ้าเป็นผู้ปรับปรุงขึ้นเอง” เสียงของเขาแผ่วเบายิ่ง คล้ายปะปนอยู่ท่ามกลางสายลมหนาว

อันที่จริงตลอดร้อยกว่าปีที่แต่งเข้าสำนักเซียน ตัวนางมิได้ปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ธัญพืชและสมุนไพรนานแล้ว สิ่งที่นางศึกษาค้นคว้าส่วนใหญ่ล้วนเป็นบุปผา งดงามก็จริง แต่ถ้าจะกล่าวถึงประโยชน์ใช้สอย อย่างไรก็น้อยนิดยิ่งนัก ชาวบ้านที่ใดจะต้องการเล่า

หวงหร่างครุ่นคิดเงียบๆ ในใจ

“เจ้ากรม” รองเจ้ากรมหลี่ลู่เดินเข้ามา เขาสวมชุดคลุมสีแดงเข้ม คลุมทับด้วยชุดคลุมตัวใหญ่ แม้จะผ่ายผอม แต่ก็กระฉับกระเฉง “กองพยัคฆ์ขาวจับสายลับคนหนึ่งได้ในเมืองชั้นใน กำลังสอบสวนขอรับ อาจเป็นคนของสำนักเซียนอวี้หู”

สำนักเซียนอวี้หู?

คำพูดนี้ดึงดูดความสนใจของหวงหร่าง ตี้อีชิวกลับกระชับชุดคลุมกันลมให้นางพลางเอ่ยว่า “เจ้าชมบุปผาอยู่ที่นี่ก่อน ค่ำหน่อยข้าจะมารับเจ้า”

กล่าวจบตี้อีชิวก็จัดชายกระโปรงของนางให้เรียบร้อย ปล่อยให้นางนั่งพิงศิลาก้อนใหญ่กลางแปลงบุปผาแล้วหันกายจากไป แน่นอนว่าหลี่ลู่ก็ตามเขาไปด้วย

หวงหร่างนั่งอยู่ท่ามกลางบุปผาเพียงลำพัง นอกแปลงบุปผามีศิษย์วิ่งเล่นหยอกเย้ากันผ่านมาเป็นครั้งคราว แต่ไม่มีใครสักคนเดินมาทางนี้ เสื้อขนสัตว์ที่ตี้อีชิวปูลงบนพื้นกล่าวได้ว่าเป็นการวาดเขตแดนหวงห้ามผืนหนึ่ง เด็กกึ่งโตหลายคนในชุดคลุมบัณฑิตสีน้ำเงินที่อยู่นอกแปลงบุปผาได้แต่ลอบมองนาง

“เป็นแม่นางคนหนึ่ง มีชีวิตกระมัง” มีคนกระซิบเสียงค่อย

“เหลวไหล แน่นอนว่าต้องไม่ใช่อยู่แล้ว! เจ้าเคยเห็นคนตัวเป็นๆ ที่งดงามเพียงนี้ด้วยหรือ” เด็กอีกคนแย้ง

อืม อายุยังน้อย แต่ช่างรู้จักเจรจายิ่งนัก

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 131-132

บทที่ 131 จะว่าไปแล้วการที่นางเข้ามาในจวนโม่เป่ยอ๋องได้นั้นช่างเป็นความบังเอิญนัก ครั้งหนึ่งในระหว่างปฏิบัติการลับ นางบั...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 133-134

บทที่ 133 เนื่องจากเหตุการณ์เชี่ยวจือถูกสวมรอย จวนโม่เป่ยอ๋องที่ภายนอกดูเงียบสงบ ความจริงแล้วมีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบทั...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 97-98

บทที่ 97 กรงเล็บมาร หวงหร่างลูบชายกระโปรงของชุดกระโปรงตัวหนึ่ง ชายกระโปรงตัวนั้นประดับด้วยขนวิหค นุ่มนิ่มเป็นพิเศษ ส่วนใ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทที่ 17.1

บทที่ 17.1 ตกปลาตามลำพังท่ามกลางสายลมและหิมะ ‘เส้นแบ่ง’ คำนี้ราวกับจี้เข้าไปตรงใจกลางกะโหลกศีรษะของหยางหลุน เขารีบกล่าวก...

community.jamsai.com