พอออกจากคุกแล้ว ข้างนอกมีต้นจื่อถาน ต้นหนึ่ง พันธุ์ไม้นี้เดิมทีไม่คุ้นชินกับความหนาวเหน็บของเมืองหลวง แต่เมื่อร้อยกว่าปีก่อนสตรีผู้หนึ่งได้ปรับปรุงสายพันธุ์ดัดแปลงขึ้นมา ทำให้มันสามารถดำรงอยู่ได้ในสภาวะเช่นนี้
บัดนี้มันมีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปี เนื้อไม้ดีอย่างยิ่ง
ตี้อีชิวยืนอยู่ใต้ต้นไม้ เงยหน้าพิจารณามันด้วยท่าทางครุ่นคิด หลี่ลู่ตามมา เห็นสีหน้าเขาแล้วก็คิดว่าเมื่อครู่เขาคงทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ บัดนี้นึกเสียใจภายหลัง แต่กลับไม่มีทางให้ลง
หลี่ลู่จึงเอ่ยถามอย่างเอาใจใส่ “หากเจ้ากรมอยากสอบปากคำสายลับผู้นั้นอีกครั้ง ผู้น้อยจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ขอรับ”
มิคาดคิดว่าตี้อีชิวจะชี้ไปยังต้นจื่อถานต้นนั้นกะทันหันแล้วเอ่ยว่า “โค่นมันเสีย”
“หา?” หลี่ลู่ตกตะลึง
ตี้อีชิวเสริมอีกประโยค “ส่งไม้ไปที่กองวิหคเพลิง” กล่าวจบก็จากไปโดยไม่ลังเล
หลี่ลู่จ้องต้นไม้ต้นนั้น รู้สึกว่าต่อให้ตนมีไหวพริบล้ำเลิศเพียงใดก็คาดเดาความคิดจิตใจของผู้บังคับบัญชาผู้นี้ไม่ออกจริงๆ
ต้นจื่อถานต้นนี้ไปล่วงเกินเขาเข้าที่ใดกันแน่
ช่างเถิด เรียกผู้ใต้บังคับบัญชามาก็พอ เขาสั่งการให้คนโค่นต้นไม้ไปพลางคาดเดาความคิดของผู้บังคับบัญชาไปพลาง
กองเสวียนอู่
หวงหร่างยังคงนั่งพิงศิลาก้อนใหญ่ คนที่มาชมดูนางผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปหลายกลุ่มแล้ว ตี้อีชิวยังคงไม่กลับมา ตอนนี้ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว ศิษย์ที่เดินผ่านแปลงบุปผาไม่มีผู้ใดไม่หยุดฝีเท้า มีคนมุงดูนางมากขึ้นทุกที
ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ ต่างปักใจเชื่อว่าเจ้ากรมหลอมของวิเศษชิ้นใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว เหตุผลเพราะชุดกระโปรงที่นางสวมอยู่เป็นของที่กองวิหคเพลิงเพิ่งจะเร่งมือทำจนเสร็จวันนี้เอง ทุกคนแสดงความคิดเห็นไปต่างๆ นานา คนที่มีอารมณ์สุนทรีย์ยังหยิบพู่กันกับแท่นฝนหมึกออกมา เริ่มวาดภาพนางจากตรงนี้
โชคดีที่ไม่มีใครเข้ามาใกล้ หวงหร่างปล่อยให้ฝูงชนลงทัณฑ์นางอย่างเปิดเผยด้วยสีหน้าปราศจากอารมณ์
…ช่างเถิด พวกเจ้าถือเสียว่าข้าเป็นตุ๊กตาก็แล้วกัน
สถานการณ์ของนางตอนนี้ก็ไม่มีอะไรให้พร่ำบ่นได้
…คงไม่แย่ไปกว่าตอนอยู่ในห้องลับของสำนักเซียนอวี้หูแล้ว อย่างน้อยที่นี่นางก็ไม่ต้องคอยกังวลทุกวันว่าจะมีหนูมากัดแทะใบหน้า
นางพิศมองกล้วยไม้เบื้องหน้า ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ บางครั้งยังมองเห็นมดที่ไต่คลานผ่านไปอย่างเร่งร้อนเหมือนจะรีบกลับบ้าน
สีท้องฟ้าข้างนอกเข้มขึ้นทุกที ถึงขั้นมีคนถามว่า “เจ้ากรมทิ้ง…วัตถุเวทเอาไว้เช่นนี้ พวกเราต้องช่วยเขาเก็บหรือไม่ อีกประเดี๋ยวน่าจะมีน้ำค้างลง”
แม้จะพูดเช่นนี้ ทว่ากลับไม่มีใครเดินเข้ามา
โชคดีที่เพียงไม่นานคนเหล่านี้ก็พากันแยกย้าย เสียงฝีเท้าของตี้อีชิวดังใกล้เข้ามา เขาเดินเข้ามาในแปลงบุปผา อุ้มหวงหร่างขึ้นมาแล้วพากลับห้องนอนของตน
หวงหร่างพบว่าด้วยฐานะที่เทียบเท่าเซี่ยหงเฉิน ชีวิตความเป็นอยู่ของตี้อีชิวช่างเรียบง่ายจนน่าสงสาร
เขาถึงขั้นไม่มีเรือนเดี่ยวเป็นของตนเอง ห้องนอนคือหอพักขุนนางในกองเสวียนอู่ ทำให้พอก้าวพ้นประตูก็เห็นศิษย์ได้ทันที ไม่มีความเป็นส่วนตัวสักนิด หวงหร่างปล่อยให้เขาอุ้มกลับห้อง ในใจคิดว่า…บางทีอาจเป็นเพราะเขาอยู่ในราชสำนัก จึงต้องวางท่าซื่อตรงมัธยัสถ์ถึงจะมีชื่อเสียงที่ดี
ตี้อีชิววางหวงหร่างลงบนเตียง หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางแล้วก็สอดตัวนางเข้าใต้ผ้าห่มดังเดิม จากนั้นเขาก็พูดขึ้น
“นอนก่อน”
กล่าวจบเขาก็เปิดประตูแล้วจากไป พอเขาจากไปโลกของหวงหร่างก็เงียบงันอีกครั้ง สรรพสิ่งไร้เสียงและไม่ขยับราวกับกาลเวลาหยุดนิ่ง