บทที่ 10 เกล็ดย้อน
สำนักเซียนอวี้หู หอฉีลู่
เซี่ยจิ่วเอ๋อร์กำลังซักเสื้อผ้า เสื้อผ้าของหวงหร่างมีมากเป็นพิเศษ อีกทั้งแบบเสื้อผ้ายังสลับซับซ้อน สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงในการซักอย่างยิ่ง เสื้อผ้ามากมายเหล่านี้มิอาจซักให้หมดได้ในชั่วเวลาอันสั้นจริงๆ
เซี่ยจิ่วเอ๋อร์อยากจะร้องไห้ นางรู้ว่าหวงหร่างกลั่นแกล้งนาง
ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทว่ากลับอับจนหนทาง เซี่ยหงเฉินดูเหมือนรักใคร่ตามใจนางก็จริง แต่ถ้าหากนางไม่เคารพผู้ใหญ่ย่อมต้องถูกตำหนิ เซี่ยจิ่วเอ๋อร์สามารถทำตัวห่างเหินกับหวงหร่างได้ แต่ไม่กล้าขัดคำสั่งอีกฝ่ายอย่างโจ่งแจ้ง
เซี่ยจิ่วเอ๋อร์ซักเสื้อผ้ามาสองชั่วยามแล้ว ย่อมต้องเกิดความสงสัย
…นางยังไม่กลับมาอีก เมื่อครู่เห็นนางหิ้วกล่องใส่อาหาร แต่มิได้มุ่งหน้าไปยังทิศทางของยอดเขาเตี่ยนชุ่ย นางเอาของกินไปให้ใครกัน ต้องไปนานถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ในร้านค้าสำนักชั้นนอก ตอนเซี่ยหยวนซูตื่นขึ้นมาก็เห็นหวงหร่างนั่งอยู่ตรงขอบเตียง
เขาผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ ยามนี้ฤทธิ์สุราหายไปพอสมควรแล้ว ดังนั้นความกล้าหาญก่อนหน้านี้จึงเหลืออยู่ไม่เท่าไร เขาคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างลนลาน เนิ่นนานจึงยิ้มพลางพูดอย่างกระอักกระอ่วน
“น้องสะใภ้ ข้า…ข้าดื่มจนเมามายจริงๆ ข้านี่ช่างสมควรตายโดยแท้” เขาใช้มือตบศีรษะของตนเอง
ยามนี้เรือนผมสีดำของหวงหร่างแผ่สยาย น้ำตาเอ่อคลอเหมือนสั่งได้ หยดน้ำที่ถูกขนตาเค้นไหลริน เปล่งประกายระยิบระยับดุจดารา แม้สวรรค์เห็นยังเวทนา นางลุกขึ้นยืนจัดชุดกระโปรงให้เรียบร้อยพลางพูดขึ้น
“ข้าเองก็ผิด ทั้งที่ข้ารู้ดีว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่พี่ใหญ่…จะเป็นไปได้อย่างไร”
คำพูดที่เหลือนางมิได้พูดต่อ เพียงเดินไปยังข้างโต๊ะแล้วหิ้วกล่องใส่อาหารขึ้นมา ขณะกำลังจะจากไปนางก็พูดขึ้นอีก
“ทางด้านหงเฉินข้าจะไปโน้มน้าวเขาอีกครั้ง อย่างไรเสียเรื่องมาถึงบัดนี้แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำให้พี่ใหญ่เดือดร้อนไปด้วยอีกคน” หวงหร่างหัวใจเยียบเย็น น้ำเสียงเจือสะอื้น แต่ละถ้อยแต่ละคำดุจดอกสาลี่ต้องพิรุณ เปี่ยมด้วยอารมณ์ความรู้สึก “ทว่าด้วยนิสัยใจคอของเขา สองวันนี้เกรงว่าคงไม่ยอมพบหน้าข้าอีก พี่ใหญ่ระวังตัวด้วย ข้ามาอยู่กับพี่ใหญ่ที่นี่เนิ่นนาน อย่างไรเสียหูตาคนก็มาก พี่ใหญ่จัดการให้เหมาะสมเถิด หาไม่แล้วหากรู้ถึงหูเขา ข้ากับพี่ใหญ่…เกรงว่าคงไม่มีทางรอดอีก”
กล่าวจบนางก็ก้มหน้าเดินออกจากประตูไปช้าๆ
เซี่ยหยวนซูตามออกมา อยากจะร้องเรียกนาง แต่กลับมิได้ทำ
เดิมทีเขามิใช่คนกล้าหาญอยู่แล้ว แม้ในใจจะอัดอั้นไปด้วยอารมณ์ แต่ถ้าหากให้ลงมือทำจริงๆ กลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
วันนี้ตนถึงขั้นทำให้หวงหร่างแปดเปื้อน หลังอารมณ์กำหนัดผ่านพ้นไปก็นึกเสียใจภายหลังอย่างยิ่ง เซี่ยหงเฉินผู้นี้แม้จะจัดการเรื่องต่างๆ อย่างอ่อนโยนเป็นธรรม แต่ถ้าคิดว่าเขาเป็นคนที่ล่วงเกินได้ เช่นนั้นก็คิดผิดแล้ว
หากเขารู้เรื่องนี้เข้า…เซี่ยหยวนซูแทบไม่กล้าคิดต่อ
หวงหร่างกลับไปถึงหอฉีลู่ก็เห็นว่าเซี่ยจิ่วเอ๋อร์กำลังซักเสื้อผ้าให้นาง
พอเห็นนางกลับมา เซี่ยจิ่วเอ๋อร์ทำสีหน้าประหลาดใจ แต่ยังคงฝืนยิ้มทักทายนางว่า “มารดาบุญธรรม เหตุใดวันนี้ท่านถึงกลับมาช้าเช่นนี้เล่า ท่านไปที่ใดมาหรือ”
เซี่ยจิ่วเอ๋อร์สืบข่าวอย่างระมัดระวัง หวงหร่างไม่สนใจนาง เพียงหาวออกมาแล้วพูดว่า “เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ ข้าเหนื่อยแล้ว ขอพักสักครู่ เจ้าซักเสื้อผ้าเสร็จก็กลับไปเถิด”
วาจาเอ่ยเช่นนี้ก็จริง แต่ยามจากไปหวงหร่างกลับทำหยกพกชิ้นหนึ่งตกไว้เหมือนมิได้ตั้งใจ
เซี่ยจิ่วเอ๋อร์เห็นนางเหนื่อยล้า เดิมทีก็เกิดความกังขาในใจอยู่แล้ว…นางออกไปข้างนอกนานถึงสองชั่วยาม ต่อให้ถือกล่องใส่อาหารไปด้วยก็แค่เอาอาหารไปแบ่งให้ศิษย์คนอื่นๆ เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานเพียงนี้ เช่นนั้นนางไปที่ใดมา ขณะที่กำลังขบคิดเรื่องนี้ก็เหลือบไปเห็นว่าหวงหร่างทำของชิ้นหนึ่งตกไว้ เซี่ยจิ่วเอ๋อร์มีความคิดในใจอยู่แล้ว จึงมิได้ร้องเรียกนาง
รอจนกระทั่งหวงหร่างกลับห้อง เซี่ยจิ่วเอ๋อร์จึงเดินเข้าไปเก็บของสิ่งนั้นขึ้นมา พอพิศดูอย่างละเอียดก็ตกใจจนหน้าซีด
…นี่เป็นหยกพกชิ้นหนึ่ง
ทุกคนในสำนักเซียนอวี้หูต่างให้ความสำคัญกับหยก แน่นอนว่าทุกคนล้วนพกหยกติดตัว และหยกพกชิ้นนี้สลักคำว่า ‘ซู’ อยู่บนนั้น เป็นหยกที่เซี่ยหยวนซูบุตรชายของเซี่ยหลิงปี้พกติดตัวเป็นประจำ
เซี่ยจิ่วเอ๋อร์หัวใจเต้นรัวเร็ว เหตุใดของส่วนตัวของเซี่ยหยวนซูถึงมาอยู่กับหวงหร่างได้ อีกทั้งพฤติกรรมของหวงหร่างในวันนี้ก็แปลกเกินไปจริงๆ ทำให้นางอดคิดมากไม่ได้
บิดาบุญธรรมไม่ชอบมารดาบุญธรรม ข้อนี้นางรู้ หากตนนำเรื่องนี้ไปบอกบิดาบุญธรรมจะได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากเขามากขึ้นอีกสักนิดหรือไม่ เซี่ยจิ่วเอ๋อร์ได้แต่ดีดลูกคิดในใจ