…หอฉีลู่ตั้งอยู่ห่างไกลผู้คน ระหว่างทางจึงไม่พบใคร
เนื่องจากฮูหยินประมุขสำนักพักอยู่ที่นี่ ศิษย์คนอื่นๆ จึงไม่มารบกวน เซี่ยหงเฉินเองก็ไม่ค่อยมา ตั้งแต่เซี่ยจิ่วเอ๋อร์ย้ายไปยอดเขาเตี่ยนชุ่ย หวงหร่างก็แทบจะพำนักอยู่ที่นี่เพียงลำพัง เซี่ยหยวนซูจะทำการใหญ่ถึงเพียงนี้ย่อมต้องมีพันธมิตร และทั่วทั้งสำนักเซียนยังจะมีตัวเลือกใดที่เหมาะสมไปกว่าหวงหร่างอีกเล่า
หอฉีลู่เงียบสนิทจริงดังคาด ยังไม่ถึงฤดูหนาวหิมะตก ดอกเหมยยังไม่ผลิบาน มีเพียงตรงศาลาสามมุมหลังน้อยที่จุดโคมดวงหนึ่งไว้อย่างเดียวดาย ส่วนหวงหร่างนั่งอยู่ในศาลาน้อยหลังนั้น
อาภรณ์ที่นางสวมใส่บางเบา คนก็บอบบางเกินไป ให้ความรู้สึกคล้ายแบกรับน้ำหนักของเสื้อผ้าไม่ไหว
เซี่ยหยวนซูมองดูคนงามภายใต้แสงโคม รู้สึกว่าคนงามเช่นนี้สมควรจะเป็นของตน เขาแน่วแน่ในความกล้าหาญของตนมากยิ่งขึ้น เดินเข้าไปในศาลาเงียบๆ และร้องเรียก
“อาหร่าง?!”
หวงหร่างคล้ายจะตกใจ หันไปเห็นเขาก็ทำหน้าตกตะลึง “พี่ใหญ่? ท่านมาได้อย่างไร”
เซี่ยหยวนซูเดินเข้าไปหลายก้าว ทำท่าจะกุมมือนาง แต่หวงหร่างรีบเอามือหลบ เซี่ยหยวนซูจึงคว้าได้เพียงแขนเสื้อ แขนเสื้อนั้นทั้งนุ่มทั้งเบา เรียบลื่นดุจผิวของคนงาม
เซี่ยหยวนซูเคลิบเคลิ้มหลงใหล เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อาหร่าง ข้าจะไปสังหารเซี่ยหงเฉินเดี๋ยวนี้! นับแต่นี้ไปข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องอยู่อย่างเดียวดายอีก!”
หวงหร่างจ้องมองเขา เนิ่นนานผ่านไปคล้ายมองเห็นความเด็ดเดี่ยวบนใบหน้าเขา ดวงตานางจึงเปล่งประกายคล้ายปกคลุมด้วยน้ำตาชั้นหนึ่ง
“พี่ใหญ่…”
เซี่ยหยวนซูเอ่ยว่า “เรียกข้าว่าซูหลาง!”
หวงหร่างร้องไห้ สุดท้ายก็เอ่ยว่า “หากซูหลางตัดสินใจแล้ว อาหร่างก็ยินดีจะตายเพื่อซูหลาง”
เซี่ยหยวนซูปิดปากแดงของนางไว้ “ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าตาย ข้าจะให้เจ้าได้เป็นฮูหยินประมุขสำนักอย่างสง่างาม ข้าจะไปตำหนักเยี่ยอวิ๋นเดี๋ยวนี้! แต่ข้าตัวคนเดียว ถึงอย่างไรก็มีข้อจำกัด อาหร่าง ดีร้ายเจ้าก็ติดตามเขามาร้อยกว่าปี ย่อมรู้จักเขาดี เจ้ามีหนทางช่วยข้าบ้างหรือไม่”
หวงหร่างหลุบตา ขนตายาวปกคลุมลงมา ไหวกระพือดุจผีเสื้อ “ขอแค่ได้ทำเพื่อซูหลาง ไม่ว่าเรื่องใดอาหร่างก็ยินดี แต่ข้าเป็นเพียงภูตดินตัวเล็กๆ ไม่มีพลังวัตรแต่อย่างใด มิอาจช่วยเหลือซูหลางได้ อีกทั้งหอฉีลู่ก็ไม่มีของวิเศษหรือยาพิษ…”
ทุกถ้อยคำของนางเอ่ยอย่างน่าสงสาร แต่ความนัยที่แฝงอยู่กลับเป็นการเตือนสติ
หอฉีลู่ย่อมไม่มียาพิษอยู่แล้ว…ฮูหยินประมุขสำนักที่สุภาพอ่อนโยนอย่างนางต้องใช้ของพวกนี้ที่ใดกัน
ทว่าเซี่ยหยวนซูดูแลร้านค้าทั้งหมดของสำนักเซียนอวี้หู เขาจะหายาพิษย่อมมิใช่เรื่องยาก เซี่ยหยวนซูเกิดความคิดขึ้นมาทันที เขากุมมือหวงหร่างพลางพูด
“น้องสาวคนดี เจ้าเตือนสติข้าแล้ว ข้ามีของพวกนั้นอยู่ เจ้าต้มน้ำแกงให้เขาสักชามแล้วใส่ลงไป ขอเพียงเขาดื่มแม้เพียงคำเดียว ข้าย่อมมีวิธีจัดการกับเขาได้!”
“นะ…นี่…” หวงหร่างทั้งตื่นตระหนกและหวาดหวั่น นางทำท่าลังเลอยู่หลายครั้งพลางกัดริมฝีปาก “ข้าจะเชื่อฟังซูหลาง” ด้วยรู้ว่าคนผู้นี้โง่เขลา นางจึงเตือนเขาอีก “แต่ว่าเขา…พลังวัตรสูงล้ำ ยาพิษทั่วไปเกรงว่าจะทำอะไรเขาไม่ได้ อีกทั้งยาลูกกลอนของสำนักเซียนอวี้หูเขารู้จักดีมิแตกต่างจากนิ้วมือของตนเอง ซูหลาง พวกเราจะทำสำเร็จหรือ”
ดวงตาของเซี่ยหยวนซูสาดประกายเหี้ยมเกรียม “ข้าดูแลร้านค้ามาหลายปี จะไม่มีสมบัติส่วนตัวสักนิดเชียวหรือ อาหร่างวางใจเถิด ยาลูกกลอนนี้ขอแค่เขากินลงไป ข้าย่อมเอาชีวิตเขาได้แน่นอน!”
ยอดเขาเตี่ยนชุ่ย ตำหนักเยี่ยอวิ๋น
แสงไฟสว่างไสว แต่กลับเงียบงันไร้เสียง
เซี่ยหงเฉินนั่งอยู่ที่โต๊ะ พลิกอ่านตำราเล่มหนึ่ง ด้านข้างวางหยกพกประจำตัวของเซี่ยหยวนซูไว้ แค่เหลือบมองเขาก็รู้สึกบาดตา ในฐานะบุรุษผู้หนึ่งต่อให้ใจกว้างเพียงใดก็ย่อมมีเกล็ดย้อน*
วันนี้เขาจะทำให้เซี่ยหยวนซูรู้ถึงจุดจบของการแตะต้องขีดจำกัดของเขา ทำให้นับแต่นี้ไปอีกฝ่ายไม่กล้าเหิมเกริมอีก