ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 10-12
ยอดเขาเตี่ยนชุ่ย ตำหนักเยี่ยอวิ๋น
ท้องนิ้วของหวงหร่างไล้ผ่านขนคิ้วของเซี่ยหงเฉินอย่างแผ่วเบา ทันใดนั้นข้อมือนางก็ถูกคว้าไว้ เซี่ยหงเฉินออกแรงบีบถึงเพียงนั้น ทำเอาโซ่เหล็กบนข้อมือเขาส่งเสียงดัง
“เจ้า…เจ้า…” เขาอยากจะเอ่ยคำพูดหลายครั้ง แต่โลหิตทะลักออกมาจากลำคอ ทำให้เขาสำลักอยู่พักหนึ่ง
หวงหร่างได้แต่ยกน้ำมาอีกครั้งให้เขากลั้วปาก
เซี่ยหงเฉินหยุดสำลักได้อย่างยากเย็น ในที่สุดก็เอ่ยถาม “เพราะเหตุใด”
ตอนนี้ในใจเขาทั้งตื่นตระหนก กรุ่นโกรธ และกังขา ทำให้วาจาไม่เฉยชาเหินห่างถึงเพียงนั้นอีก
หวงหร่างนั่งลงข้างกายเขา ผ่านไปเนิ่นนานจึงกล่าวว่า “หงเฉิน พวกเราเป็นสามีภรรยากันมาร้อยกว่าปี ต่อให้ไม่ชอบเพียงใด ถึงอย่างไรก็มีความผูกพันนับร้อยกว่าปีอยู่ หากวันใดวันหนึ่งข้าถูกกักขังอยู่ที่ยอดเขาอั้นเหลย ท่านจะมาตามหาข้าหรือไม่” ปลายนิ้วของนางสัมผัสขนคิ้วเขา ถามเสียงแผ่วเบา “ท่านจะยอมล่วงเกินเซี่ยหลิงปี้ไปตามหาข้าหรือไม่”
“เจ้าพูดอะไรของเจ้า” เซี่ยหงเฉินไม่เข้าใจโดยสิ้นเชิง ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในโพรงอกทำให้กระแสปราณของเขาปั่นป่วน “เจ้าจะถูกกักขังอยู่ที่ยอดเขาอั้นเหลยได้อย่างไร”
หวงหร่างมองไปรอบตำหนักเยี่ยอวิ๋น ครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “หงเฉิน ข้าฝัน ในความฝันข้าถูกลงทัณฑ์ด้วยเข็มเกี่ยววิญญาณตรึงกระดูก ถูกกักขังอยู่ในห้องลับที่ลึกที่สุดของยอดเขาอั้นเหลย ข้ามิอาจพูดจา ทั้งมิอาจขยับเขยื้อน ข้าได้แต่เรียกชื่อท่านทุกวันทุกคืน วิงวอนให้ท่านมาตามหาข้า”
เซี่ยหงเฉินทำหน้างุนงง “เพียงเพราะความฝันครั้งเดียว! เจ้าทำเรื่องพวกนี้เพียงเพราะความฝันครั้งเดียวเท่านั้นหรือ!”
หวงหร่างไม่ได้ตอบเขา เพียงพูดต่อไป “คนที่ถูกกักขังรวมกับข้ายังมีอีกมากมายเหลือเกิน พวกเขาล้วนสงบนิ่งเหมือนข้า ไม่เคยส่งเสียงสักครา สถานที่แห่งนั้นมืดมิดเป็นพิเศษ มีเพียงประกายแสงจากยันต์ในข่ายอาคมสว่างเป็นครั้งคราว ราวกับใต้หล้ามีแสงสว่างอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หนูกัดแทะพวกเรา ตะขาบและมดไต่ใบหน้าข้า บาดแผลของพวกเขาเน่าเฟะ รูจมูกเต็มไปด้วยหนอน…” นางบรรยายเรื่องทั้งหมดอย่างสงบนิ่ง “แรกเริ่มข้ายังมีความหวัง ข้าหวนนึกถึงอดีตของพวกเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า คิดว่าด้วยนิสัยของท่าน ต่อให้เป็นสตรีที่ท่านรู้จักหายตัวไป อย่างน้อยท่านก็ต้องออกตามหาสักหน่อย ยอดเขาเตี่ยนชุ่ยกับยอดเขาอั้นเหลยอยู่ห่างกันไม่เท่าไร ข้าคิดว่าด้วยฐานะประมุขสำนักที่สูงส่งของท่าน การตามหาข้าให้พบไม่ว่าอย่างไรก็มิใช่เรื่องที่ยากเย็นเกินไป ข้าใช้ประกายแสงจากยันต์ที่กะพริบเป็นครั้งคราวนับเวลา ท่านเคยบอกข้าว่าเมื่อแสงจากยันต์สว่างและดับไป นั่นคือเวลาหนึ่งอึดใจ ข้าจึงนับอยู่เช่นนั้น ไม่กล้าผิดพลาดแม้แต่เค่อเดียว จนกระทั่งเวลาผ่านไปหนึ่งปี”
น้ำตาของนางหลั่งรินตกลงบนมือเขา เซี่ยหงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไร้เรี่ยวแรง “นั่นเป็นเพียงความฝันเท่านั้น ตอนนี้เจ้ามีชีวิตอยู่ที่นี่ หวงหร่าง!”
หวงหร่างหัวเราะเบาๆ “ปีที่สองข้าก็นับเวลาได้ไม่ชัดเจนแล้ว หนูวิ่งข้ามศีรษะข้าไป ข้ากลัวเหลือเกิน จึงลืมนับเวลา เวลานั้นข้าตระหนักได้อย่างช้าๆ ว่าท่านไม่มีทางมา แม้จะห่างกันแค่ยอดเขากั้นท่านก็ไม่มีทางมา ท่านไม่มีทางล่วงเกินอาจารย์ของท่านเพื่อข้า ความจริงแล้วข้าไม่ควรโกรธแค้น ท่านชิงชังข้า ข้ารู้ดี”
นางพูดอย่างจริงใจทุกถ้อยคำ เซี่ยหงเฉินอดใคร่ครวญเรื่องทั้งหมดไม่ได้ สุดท้ายก็ถามเสียงเคร่งขรึม “เจ้าถูกจิตมารครอบงำหรือ”
เกรงว่าคงมีแต่ถูกจิตมารครอบงำเท่านั้นจึงจะถูกภาพมายาทำลายสติได้
หวงหร่างระบายรอยยิ้ม แต่ยามที่นางสั่นศีรษะเบาๆ น้ำตายังคงหลั่งรินดุจสายฝน “ข้าแต่งให้ท่านร้อยกว่าปี เสพสุขกับลาภยศของการเป็นฮูหยินประมุขสำนัก สิ่งที่ข้าร้องขอ ท่านล้วนมอบให้แล้ว ข้าบอกตนเองว่าข้าไม่ควรโกรธแค้นท่าน แต่ข้ามีท่านเป็นสามีเพียงคนเดียว ตั้งอกตั้งใจปรนนิบัติท่านมาร้อยกว่าปี ถึงอย่างไรข้าก็ยังคิดว่าสามารถพึ่งพาท่านได้”
นางฟุบอยู่บนเตียง ซุกใบหน้ากับหัวไหล่ของเซี่ยหงเฉิน น้ำตาไหลรินเป็นสายเปียกชุ่มไหล่เขา เซี่ยหงเฉินไม่เคยหวั่นไหวกับความอ่อนโยนของนาง ไม่ว่านางจะแสดงความจริงใจอย่างไร หรือแสดงความน่าสงสารมากเพียงใด
ทว่ายามนี้เขาถูกขังแปดทิศพันธนาการไว้ ดวงตามองไม่เห็น ตกอยู่ในอันตราย เขาได้แต่พยายามประคองอารมณ์ของหวงหร่างไว้ ดังนั้นแม้เขาจะไม่เข้าใจคำพูดของนาง แต่ยังคงเอ่ยขึ้น
“นั่นเป็นเพียงความฝัน พวกเราล้วนยังอยู่ตรงนี้อย่างปกติดีมิใช่หรือ เจ้าเป็นภรรยาของข้า หากเจ้าหายตัวไปข้าจะไม่ตามหาได้อย่างไร ข้าจะต้อง…”
“ท่านโกหก!” หวงหร่างลุกขึ้นทันใดแล้วตวาดว่า “ท่านยังคิดจะหลอกข้าอีก!” นางพูดทั้งน้ำตา “หากท่านเคยตามหาข้าจริง ท่านต้องเห็นของที่ข้าทิ้งไว้ในสระไป๋ลู่ แต่ท่านไม่เคยตามหาข้า! ไม่เคยตามหาข้า…”
พูดจบนางก็ใช้สองมือกุมศีรษะ ทรุดลงนั่งบนพื้นข้างเตียง
เซี่ยหงเฉินมองไม่เห็น เขาไม่รู้ว่าหวงหร่างกำลังร้องไห้อยู่หรือไม่
ทว่าต่อให้นางร้องไห้ก็ไม่มีทางส่งเสียงออกมา นางมักจะร่ำไห้อย่างงดงามมีมารยาทยิ่ง
เซี่ยหงเฉินอยากพูดอะไรสักหน่อย อย่างน้อยก็เกลี้ยกล่อมนางให้ปลดขังแปดทิศบนร่างเขาออกก่อน ทว่าเขาอ้าปากหลายครั้งคิดอยากจะพูด แต่กลับมิอาจหาถ้อยคำที่เหมาะสมได้ นั่นทำให้เขาฉุกคิดขึ้นได้ว่า…ตลอดร้อยกว่าปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยปลอบโยนนางสักครา
เขาพยายามไม่ปล่อยให้ตนเองหวั่นไหวไปกับนาง ดังนั้นไม่ว่าเวลาใดเขาล้วนละเลยความรู้สึกของนาง หากการกระทำของนางไม่ถูกใจเขา เขาจะเย็นชากับนาง ถึงขั้นสะบัดแขนเสื้อจากไป
พอครั้งหน้าเขาได้พบนางอีกครั้ง นางจะอ่อนโยนเอาใจใส่ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
นางมักจะควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดีเสมอมา ทั้งยังคาดเดาความคิดจิตใจของเขาได้เป็นอย่างดี ดังนั้นก่อนหน้านี้เซี่ยหงเฉินจึงไม่เคยเห็นหวงหร่างโกรธเคืองหรือโมโหมาก่อน
แต่มีเพียงครั้งเดียวก็คือยามนี้
เซี่ยหงเฉินยื่นมือออกไปคลำหาจนพบว่าหวงหร่างนั่งพิงอยู่ข้างเตียง นางใช้สองมือปิดหน้า น้ำตาไหลรินเงียบๆ เขาจึงได้แต่เงียบงัน เอ่ยวาจาอ่อนโยนไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว แต่กลับเป็นหวงหร่างที่กุมมือเขาและพูดขึ้นก่อน นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ทั้งหมดไว้
“ข้าขออภัย”
เซี่ยหงเฉินอึ้งงันไปแล้วถามว่า “อะไรนะ”
แม้กระทั่งในยามนี้ก็เป็นนางที่เอ่ยปากขออภัย
หวงหร่างดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาให้แห้ง น้ำเสียงค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ “บัดนี้คิดดูแล้วข้าโกรธเคืองท่านนับว่าไร้เหตุผลโดยแท้ ความจริงแล้วท่านไม่มีความจำเป็นต้องตามหาข้า” นางทอดถอนใจ ได้สติกลับคืนมา “อย่างไรเสียสามีภรรยาอย่างพวกเรา คนหนึ่งละโมบในชื่อเสียง คนหนึ่งละโมบในคนงาม ต่างคนต่างไขว่คว้าในสิ่งที่ต้องการ จะมีความผูกพันอันใดเล่า ท่านจะล่วงเกินอาจารย์ผู้มีพระคุณเพื่อสตรีที่ในใจท่านหยามเหยียดไปเพื่ออันใด” จากนั้นก็ยื่นมือออกไปลูบไล้จอนผมของเซี่ยหงเฉินเบาๆ “ความจริงแล้วข้าเข้าใจเหตุผลดี เพียงแต่ข้าถูกกักขังมานานเกินไป คิดถึงท่านอยู่ตลอด แต่ท่านก็ไม่มาสักที ข้าผิดหวังมาหลายครั้งเหลือเกิน เลี่ยงมิได้ที่จะปลงไม่ตก” นางดึงผ้าห่มผืนบางมาห่มให้เขา พูดเสียงค่อย “แต่ท่านจะมาได้อย่างไร ท่านเป็นเพียงดวงดาวบนท้องฟ้าอันไกลโพ้นในยามที่ข้าตกจากหน้าผาเท่านั้น เป็นขนนกที่ปลิวผ่านข้างกายไปในยามที่ข้าจมน้ำลึก ท่านจะมาได้อย่างไร บางทีร้อยกว่าปีที่ผ่านมาข้าคงจะจริงจังทีเดียว ในใจจึงเจ็บแค้นเหลือหลาย”
นางเก็บงำอารมณ์อีกครั้ง ทุกถ้อยคำอ่อนโยนสงบนิ่ง แม้เซี่ยหงเฉินอยากจะพูดหลอกล่อนาง แต่ก็พูดไม่ออก
Comments
