จูเซียงทางหนึ่งชงชา ทางหนึ่งก่นด่าในใจ…ดูเถิด เป็นคนแท้ๆ เหตุใดถึงได้มีปากเช่นนี้! ต่อไปหากข้ายังห่วงใยเรื่องการแต่งงานของท่านอีก ข้าก็คือคนหน้าโง่!
หลังจากนั้นทั้งสองก็กลายเป็นน้ำเต้าปิดปากสองลูก
ทว่านี่เป็นเรื่องที่ตี้อีชิวคุ้นเคยที่สุด นับตั้งแต่เขาเข้ามารับผิดชอบดูแลกรมซือเทียน ค่ำคืนของเขาก็ผ่านพ้นไปในลักษณะเช่นนี้นับครั้งไม่ถ้วน แท่งถ่านหรือเตาหลอมพวกนั้นล้วนพูดไม่ได้ เขาเหมือนกลไกอย่างหนึ่ง ทำงานวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา น้อยครั้งที่จะนอนหลับพักผ่อน
จูเซียงรู้สึกว่าคงเป็นเพราะเขามีปาก ดังนั้นร้อยกว่าปีมานี้ข้างกายเขาถึงได้ไม่มีสตรี แต่ก็ไม่ถูก เขาเป็นเช่นนี้ก็สมควรแล้ว! แต่เหตุใดนางต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายเล่า
จูเซียงทุบค้อนลงไปจนเกิดเสียงดังกังวาน เหล็กแข็งที่ถูกเผาจนแดงมีสะเก็ดไฟกระเด็นไปทั่ว
…เฮ้อ คิดไม่ตกจริงๆ
สำนักเซียนอวี้หู ตำหนักเยี่ยอวิ๋น
เมื่อท้องฟ้าสว่าง วิหคในป่าก็ตื่นขึ้น พวกมันบินมาหาอาหาร ทำให้เกิดเสียงเจื้อยแจ้วดังไปทั่วผืนป่า นอกประตูเซี่ยเซ่าชงศิษย์น้องของเซี่ยหงเฉินมารอนานแล้ว
ข้างในไม่มีความเคลื่อนไหวเนิ่นนาน เขาอดแปลกใจไม่ได้ จึงประสานมือพลางเอ่ยถาม “การฝึกยุทธ์ของเหล่าศิษย์ในวันนี้ ประมุขสำนักจะมาดูหรือไม่ขอรับ”
หวงหร่างก้าวออกมาจากตำหนักด้านใน ชุดกระโปรงสีทองอ่อนงามสง่าเฉิดฉัน นางคารวะเซี่ยเซ่าชง เซี่ยเซ่าชงไม่คิดว่านางจะอยู่ที่นี่ จึงรีบค้อมกายทักทาย
“ฮูหยิน”
“วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของข้า หงเฉิน…” หวงหร่างมีสีหน้าเขินอาย ครู่ใหญ่จึงเอ่ยว่า “เขาบอกว่าเตรียมบางสิ่งไว้ให้ข้า แต่จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่ยอมให้ข้าเข้าไปดู ทำให้ศิษย์น้องขบขันแล้วจริงๆ”
ใบหน้านวลเนียนของคนงามเผยแววขัดเขิน ถ้อยวาจาเปี่ยมไปด้วยความหวานชื่นระหว่างสามีภรรยาที่รักใคร่ลึกซึ้ง เซี่ยเซ่าชงยังจะสงสัยอะไรอีก
จะว่าไปแล้วหวงหร่างอยู่ในสำนักวางตัวดีมีมารยาท เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมมาโดยตลอด อีกทั้งในสายตาคนนอกนางกับเซี่ยหงเฉินก็รักใคร่ปรองดองกันยิ่งนัก แม้นางจะยึดมั่นในจรรยาสตรี ไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาในตำหนักเยี่ยอวิ๋น แต่วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของนาง เซี่ยหงเฉินรักใคร่ภรรยาอย่างยิ่ง จะตระเตรียมบางสิ่งไว้ให้นางก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
เซี่ยเซ่าชงทำหน้าเข้าใจแล้วตอบว่า “ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง เช่นนั้นเห็นทีวันนี้ประมุขสำนักคงจะไม่มีเวลาแล้ว ฮูหยินโปรดบอกเขาด้วยว่าข้ามาแล้ว”
หวงหร่างยอบกายให้เขาอย่างอ่อนช้อย “ทำให้ศิษย์น้องขบขันแล้ว”
เซี่ยเซ่าชงมีหรือจะขบขันจริงๆ เขาพูดว่า “ประมุขสำนักกับฮูหยินสามีภรรยารักใคร่ปรองดอง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันตลอดร้อยกว่าปี นับเป็นแบบอย่างของสำนักเซียน เซ่าชงอิจฉายังแทบไม่ทัน จะขบขันได้อย่างไร”
หวงหร่างส่งเขาออกไปด้วยมารยาทที่สง่างาม เมื่อกลับเข้าไปในตำหนักก็เห็นเซี่ยหงเฉินตกลงมาจากเตียง เขาถึงกับชนแจกันบุปผาจนแตก เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่เขาได้ยินเสียงของเซี่ยเซ่าชงและอยากจะส่งสัญญาณให้อีกฝ่าย
หวงหร่างประคองเขาขึ้นมา พากลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้งพลางพูดว่า “ท่านออกไปไม่ได้ เขาเองก็ไม่ได้ยิน ข้าเปิดปราการกั้นเสียงเอาไว้ อาคมเล็กน้อยเช่นนี้ในอดีตอาจใช้กับท่านไม่ได้ แต่เอามารับมือกับท่านในตอนนี้กลับเหลือเฟือทีเดียว”
ปราการกั้นเสียงเป็นวิธีเล็กๆ น้อยๆ ที่สำนักเซียนนำมาใช้บ่อยครั้งเพื่อกั้นเสียงจากภายในและภายนอก
“หวงหร่าง เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ!” อารมณ์ที่เซี่ยหงเฉินสะกดกลั้นมาโดยตลอดปะทุออกมาในที่สุด เขาคว้าคอเสื้อนางพลางตวาดอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้ากับเซี่ยหยวนซูสมคบกันกระทำความชั่ว ทั้งที่เจ้ารู้ดีว่าเขาเป็นคนเช่นไร! เขาจะมอบสิ่งใดให้เจ้าได้!”
หวงหร่างปัดมือเซี่ยหงเฉินออกแล้วพยุงเขาไปนั่งบนเตียงให้ดี เห็นดวงตาเขามีเลือดไหลอีกครั้งจึงได้แต่เปลี่ยนผ้าพันแผลให้ จากนั้นก็เอ่ยเตือนเขาเสียงนุ่มนวล
“พิษในร่างกายท่านกำเริบ ไม่ควรมีโทสะ”
เซี่ยหงเฉินคว้าข้อมือนางไว้ อดทนชี้แจงเหตุผลกับนาง “เซี่ยหยวนซูพลังวัตรอ่อนด้อย ทั้งยังไม่มีความสามารถอันใด เขาไม่อาจปกครองสำนักเซียนอวี้หูได้ หากเขาได้กุมอำนาจมีหรือจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างทุ่มเทเต็มที่! อาหร่าง เจ้าปล่อยข้าเถิด ข้าจะหยุดยั้งเขาเอง เรื่องนี้จะไม่มีคนอื่นล่วงรู้อีก ข้าเองก็รับรองว่าจะไม่ถือสาหาความเด็ดขาดดีหรือไม่”
“หงเฉินช่างถ่องแท้ในหลักคุณธรรมอันยิ่งใหญ่จริงๆ” หวงหร่างลูบใบหน้าเขาด้วยความฉงนพลางถาม “หากข้ามีสัมพันธ์ทางกายกับเขา ท่านก็ไม่ถือสาหรือ”
เซี่ยหงเฉินส่ายหน้า “ไม่ถือสา” คำพูดนี้เขากล่าวอย่างมั่นใจยิ่ง “เจ้าไม่มีทางชอบเขา”
ท้องนิ้วของหวงหร่างไล้ผ่านปลายจมูกเขาพลางถามอีกว่า “เพราะเหตุใด”
“เพราะว่า…” เซี่ยหงเฉินพูดถึงตรงนี้ก็เงียบไป
เพราะเจ้าน่าจะยังชอบข้าอยู่ ความคิดนี้พลันผุดขึ้นในใจเขา ที่แท้เวลาร้อยกว่าปีต่อให้เป็นหินก้อนหนึ่ง เป็นไม้ท่อนหนึ่ง ท้ายที่สุดแล้วก็ยังคงมีความรู้สึกอยู่บ้าง