นางถอยไปยังริมที่นาช้าๆ ส่วนหวงจวินไปตรวจดูเมล็ดพันธุ์จำหน่ายเหล่านั้นต่อ หวงหร่างพลันนึกขึ้นได้ว่าอันที่จริงหวงจวินเป็นคนไม่ชอบยิ้ม
หวงหร่างถูกหวงจวินเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก หวงจวินเหมือนมารดานางมากกว่าซีอินเสียอีก ทว่าหวงจวินก็ไม่ได้รักใคร่ตามใจหวงหร่างถึงเพียงนั้น
อีกฝ่ายไม่ชอบยิ้ม ทั้งยังไม่อบอุ่น เวลาส่วนใหญ่ก็มักจะเงียบ
หวงหร่างกินผลไม้เชื่อมไปชิ้นหนึ่ง สิ่งนี้รสชาติไม่หวาน กลับให้ความรู้สึกขมจางๆ
ข้าย้อนกลับมาในปีใดกันแน่
มารดาข้า…นางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หวงหร่างคิด
ความจริงแล้วนางไม่อยากพบเจอสตรีผู้นั้นแม้แต่น้อย
สตรีในความทรงจำผู้นั้นมักจะโกรธแค้นและร้ายกาจอยู่เสมอ มีอะไรน่าพบเล่า
แม้ในใจจะคิดเช่นนี้ แต่กว่าหวงหร่างจะรู้ตัว นางก็เดินมาตามคันนาจนถึงบ้านสกุลหวงแล้ว
บ้านสกุลหวงในยามนี้ยังไม่เป็นเหมือนอีกหลายปีให้หลัง มีเพียงกำแพงดินกับกระเบื้องสีเทา ดูเหมือนบ้านของเซียงเซิน* มากกว่า
หวงหร่างเดินเข้าไปในบ้านตามความทรงจำ ทันใดนั้นหนังศีรษะก็เจ็บแปลบ มีคนกระชากผมนาง
“นางตัวดี! พี่สาวเจ้าเล่า” มีเสียงดังขึ้นข้างหลังจากระดับที่สูงกว่า เต็มไปด้วยความดูแคลน
หวงหร่างร้องว่าเจ็บ รู้สึกเหมือนหนังศีรษะจะฉีกขาดอยู่แล้ว นางหันกลับไปก็เห็นใบหน้าหนึ่ง…เป็นใบหน้าของพี่ชายคนโตของนางหวงเจิง
เห็นหวงหร่างไม่ตอบ หวงเจิงจึงถีบเข้าให้ หวงหร่างถูกถีบจนล้มลงกับพื้นก่อน จากนั้นก็รู้สึกปวดท้อง ผลไม้เชื่อมในมือหล่นกระจายเต็มพื้น
หวงหร่างจึงตระหนักว่าตนไม่ได้ถูกทุบตีมานานมากแล้ว
นางกุมท้องพลางถาม “ท่านจะถามหาพี่สาวข้าเพื่ออันใด”
“วันนี้เจ้าจะแข็งข้อหรือไร!” หวงเจิงกระชากร่างนางขึ้นมา จากนั้นก็สะบัดฝ่ามือลงบนใบหน้านาง
หวงหร่างถูกตบจนหน้าหัน หวงเจิงหัวเราะเยาะหยัน “นางชั้นต่ำ ช้าเร็วก็ต้องทำตัวอับอายขายหน้าเหมือนพี่สาวเจ้า มิสู้ตีให้ตายเสีย!”
เขาเงื้อมือขึ้นจะตบหน้าหวงหร่างอีกสักสองที แต่สตรีด้านข้างกลับเอ่ยขึ้นเสียก่อน “เจิงเอ๋อร์! เจ้าทำอะไร ไม่กลัวมือจะสกปรกหรือไร!”
หวงเจิงจึงได้แต่โยนหวงหร่างทิ้ง เขาวิ่งไปยังข้างกายสตรีผู้นั้นพลางพูดว่า “ท่านแม่ เมื่อวานนางตัวดีนี่ไปฟ้องท่านพ่ออีกแล้ว ทำให้ข้าถูกท่านพ่อตำหนิ”
สตรีผู้นั้นเอ่ยเสียงแหลม “อดทนไว้เถิด ช่วยไม่ได้ที่คนเขาเก่งกาจสามารถ ให้กำเนิดบุตรสาวออกมาถึงสองคน คนโตนายท่านรักใคร่ยิ่งนัก บัดนี้คนเล็กก็จะเติบโตแล้ว ถึงเวลาพวกนางสามแม่ลูกช่วยกันปรนนิบัติ ช่างสนิทชิดใกล้เพียงใด เกรงว่าอีกไม่นานพวกเราสองแม่ลูกคงต้องคอยดูสีหน้าผู้อื่นแล้ว”
นางเจตนาพูดชี้่นำ ทำให้สตรีคนอื่นๆ ในเรือนหัวเราะเสียดสี
หวงหร่างลุกขึ้นจากพื้น ตั้งแต่ต้นจนจบในเรือนหลังน้อยของมารดาไม่มีคนออกมา
นางเดินเข้าไปในเรือนหลังน้อยช้าๆ กาลเวลาช่างไร้ความปรานี ความทรงจำถูกกัดกร่อนทำลายไปทุกปี ภายหลังแม้กระทั่งเรือนหลังน้อยนี้นางก็นึกสภาพไม่ออกแล้ว
ในลานเรือนน้อยไม่มีคนดูแล ดังนั้นจึงไม่มีต้นไม้ใบหญ้าที่ล้ำค่าแต่อย่างใด
ในบ้านสกุลหวงที่ยึดการปรับปรุงพันธุ์พืชเป็นอาชีพ เรื่องนี้ช่างน่าตกใจโดยแท้
เสียงก่นด่าเมื่อครู่มิได้ทำให้คนในเรือนออกมาข้างนอก นางยังคงอยู่ในลานเรือนด้านหลัง ตั้งอกตั้งใจต้มยา
เป็นยาวิเศษขอบุตร
ตามคำพูดของหมอเทวดาที่นางไปเสาะหามา ขอเพียงจัดยาตามตำรับ กินตามเวลา นางจะต้องให้กำเนิดเด็กชายได้แน่นอน
นางเชื่อ ดังนั้นนางจึงต้มยานี้กินทุกวัน
ภายหลังทุกครั้งที่หวงหร่างได้กลิ่นขมของยาก็มักจะนึกถึงนาง
ซีอิน
หวงหร่างผ่อนฝีเท้าให้เบาลง เดินเข้าไปในลานเรือนด้านหลังช้าๆ