ซย่าโหวอวี๋หัวเราะเสียงเย็นในใจ นางมีตัวเลือกอยู่แล้วจริงๆ หลูยวนก็มีตัวเลือกในใจอยู่แล้วมิใช่หรือ ในความทรงจำ หลูยวนตั้งใจให้หลานสาวของตนเป็นฮองเฮานี่
ตามหลักสกุลหลูนับเป็นสกุลใหญ่ที่สูงศักดิ์ ในด้านชาติตระกูลนับเป็นคู่ครองที่เหมาะสม ทว่าหลานสาวที่หลูยวนเลือกให้น้องชายนางกลับทั้งดำทั้งอ้วน ทั้งนิสัยยังร้ายกาจ เคยมีข่าวลือว่าโบยข้ารับใช้หญิงจนตาย แล้วนางจะให้สตรีเช่นนี้มาเป็นน้องสะใภ้ได้อย่างไร
น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้นางดูถูกความไร้ยางอายของหลูยวนเกินไป คิดว่าหากนางหารือกับหลูยวนอย่างนอบน้อม จากนั้นตอบแทนไมตรีเขาด้วยการถอยก้าวหนึ่ง ให้ผลประโยชน์เขาอย่างเต็มที่ หลูยวนจะล้มเลิกความคิดที่จะก้าวก่ายการแต่งงานของน้องชายนาง
คิดไม่ถึงว่าพอหลูยวนรับผลประโยชน์ไปแล้ว กรงเล็บกลับยังตะปบไว้แน่น พาหลานสาวของตนมาเสนอต่อหน้าน้องชายในวันเทศกาลซั่งซื่อ บอกเหล่าขุนนางเป็นนัยว่านี่คือพระชายาที่เขาคัดสรรมาให้โอรสสวรรค์ ทำให้น้องชายนางทั้งร้อนใจทั้งโมโห เกือบจะสะบัดแขนเสื้อจากไป…นางนึกตำหนิตนเองในเรื่องนี้มาตลอด รู้สึกว่าการที่น้องชายป่วยตายเกี่ยวข้องกับการคัดเลือกพระชายาครั้งนี้มาก
ครั้งนี้นางจะคัดเลือกพระชายาให้น้องชายเช่นกัน และจะกำหนดวันเป็นวันเทศกาลซั่งซื่อ แต่นางจะไม่ปล่อยให้หลูยวนควบคุมสถานการณ์ได้เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว เขาคิดจะคัดเลือกเมื่อไรก็เมื่อนั้นหรือ เขาคิดจะเลือกใครก็เลือกคนนั้นหรือ ครั้งนี้ถึงตานางทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกบ้างแล้ว ถึงตานางทำให้เขาต้องเสียใจภายหลังบ้างแล้ว!
ความทุกข์และความเจ็บปวดที่หลูยวนมอบให้นาง นางจะคืนกลับไปให้เขาจนกว่าจะครบทั้งหมด
ซย่าโหวอวี๋ยิ้มน้อยๆ พูดกับฟั่นซื่อ “ข้าว่ามิสู้ฮูหยินกลับไปถามความประสงค์ของแม่ทัพใหญ่ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย” ความหมายที่แฝงอยู่มีการเสียดสีฟั่นซื่อเล็กน้อยที่จัดการเรื่องในครอบครัวไม่ได้ ไม่มีอำนาจตัดสินใจ
อาจเพราะนานมากแล้วที่ไม่มีผู้ใดกล้าเสียดสีเหน็บแนมเช่นนี้ ฟั่นซื่อฟังแล้วก็ใบหน้าแดงก่ำทันที
ซย่าโหวอวี๋ทำเหมือนมองไม่เห็น นางไม่เหลือบแลฟั่นซื่ออีก เพียงหันไปด้านข้างแล้วยิ้ม ก่อนพูดกับหลิ่วซื่อและชุยซื่ออย่างเกรงใจ “ถึงยามนั้นยังต้องรบกวนฮูหยินทั้งสองช่วยสังเกตให้โอรสสวรรค์ด้วย”
หลิ่วซื่อกับชุยซื่อย่อกายลงโดยพร้อมเพรียงกัน และรับคำอย่างนอบน้อม
ฟั่นซื่อโมโหทีเดียว นางเม้มปากปฏิเสธที่จะพูดคุยกับซย่าโหวอวี๋
หากเป็นเมื่อก่อน เห็นแก่หน้าหลูยวน ซย่าโหวอวี๋จะต้องคิดหาหนทางประนีประนอมกับฟั่นซื่อแน่ แต่ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาบอกนางว่าฐานะของนางกับหลูยวนกำหนดแล้วว่าพวกเขาไม่อาจเดินทางเดียวกันได้ ไม่ว่านางจะระมัดระวังเพียงใด หลูยวนก็ไม่รับไมตรีจากนาง แล้วไยนางต้องลดเกียรติตนเอง เอาใบหน้าอุ่นร้อนของตนเองไปแนบใบหน้าเย็นเฉียบของหลูยวนด้วยเล่า
มีเรื่องก็มีเรื่องสิ! นางเหนื่อยมาตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว ตอนนี้นางแค่อยากใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายสักหน่อย ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายสักหน่อยเท่านั้น
ซย่าโหวอวี๋สั่งให้นางกำนัลยกผลไม้เข้ามา ฟั่นซื่อกลับลุกขึ้นขอตัว ซย่าโหวอวี๋สั่งเสียงเรียบให้ตู้ฮุ่ยไปส่งแขก
หลิ่วซื่อกระอักกระอ่วน เตือนซย่าโหวอวี๋เสียงค่อย “แต่ไรมาแม่ทัพใหญ่ก็ให้เกียรติฟั่นซื่อ ข้ารู้ว่าเจ้ารำคาญนาง แต่ไม่จำเป็นต้องแสดงออกชัดเจนเพียงนี้”
ซย่าโหวอวี๋ขอบคุณในความหวังดีของนาง แต่กลับไม่เสียใจภายหลังแม้แต่น้อย
หลิ่วซื่อถอนหายใจ นางกินผลไม้เล็กน้อย ดื่มชาไปอีกสองถ้วยก็เอ่ยขอตัว ซย่าโหวอวี๋ไปส่งนางที่หน้าประตูด้วยตนเอง
ชุยซื่อกลับอยู่เป็นคนสุดท้าย นางถามซย่าโหวอวี๋อย่างเป็นกังวล “จิ้นหลิง เจ้าวางแผนอย่างไรกันแน่”
ซย่าโหวอวี๋ลูบลูกประคำไม้กฤษณาบนข้อมือเงียบๆ นี่เป็นของที่มารดานางเหวินเซวียนฮองเฮาทิ้งไว้ให้ ว่ากันว่าเป็นของที่ท่านยายมอบให้ก่อนมารดาเข้าวัง เมื่อถูกลูบไล้เป็นเวลานานก็ทำให้ลูกประคำเรียบลื่นเปล่งประกาย เหมือนถูกเคลือบด้วยไขบางๆ หนึ่งชั้น