ซย่าโหวอวี๋อยากเกี่ยวดองกับสกุลชุย นี่เป็นเรื่องที่ปรึกษาหารือกับน้าชาย น้าสะใภ้ ตลอดจนประมุขสกุลชุยมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้าชาย น้าสะใภ้หรือคนสกุลชุย ล้วนคิดว่านี่เป็นการแต่งงานที่ดีมาก ติดที่หลูยวนเท่านั้น เมื่อเรื่องราวยังไม่ถูกกำหนดเป็นที่แน่นอน พวกเขาจึงคิดว่าไม่ควรป่าวประกาศออกมา
ในความทรงจำ ตอนหลูยวนพาหลานสาวมาตรงหน้าน้องชาย ภายใต้การปลอบประโลมของซย่าโหวอวี๋ แม้น้องชายจะไม่ได้หุนหันออกจากงานในทันที ถึงอย่างนั้นโทสะที่แสดงออกมาก็ชัดเจนมาก แต่หลูยวนกลับทำเป็นไม่รับรู้ จะบีบให้น้องชายนางรับปากให้ได้ น้องชายอดทนจนเหลืออด จึงตัดสินใจปฏิเสธหลูยวนอย่างอ้อมค้อม หลูยวนถูกหักหน้า ไม่รอให้งานเลี้ยงเลิกก็หาข้ออ้างกลับไปก่อน
จนกระทั่งน้องชายป่วย สลบไสลไม่ได้สติ พอหมอบอกว่าน้องชายยากจะฟื้นขึ้นมาได้ ไม่รู้หลูยวนไปฟังมาจากที่ใดว่าคนที่นางกับน้องชายถูกใจแต่เดิมคือคุณหนูเจ็ดสกุลชุย ด้วยความโมโหและอับอาย หลูยวนจึงพาลโกรธสกุลชุยไปด้วย หลังจากน้องชายตายไป เขาก็บังคับสกุลชุยให้ส่งคุณหนูเจ็ดเข้าอารามเต๋าบำเพ็ญตน
ไม่ถึงสองปี คุณหนูเจ็ดสกุลชุยก็ป่วยตาย ทว่าหลานสาวของหลูยวนที่ถูกผลักมาตรงหน้าน้องชายก่อนหน้านี้กลับออกเรือนไปอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติในเวลาอันรวดเร็ว
ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่ยอมให้เรื่องราวต้องซ้ำรอยอีก!
ซย่าโหวอวี๋มองเมฆยามเย็นตรงขอบฟ้า พูดเสียงเบา “ครั้งนี้ข้าไม่ได้คิดจะเลือกพระชายาให้น้องชาย!”
“หา!” ชุยซื่อมองซย่าโหวอวี๋อย่างประหลาดใจ ทำท่าจะพูดแล้วเงียบไป เดิมทีพวกเขาตกลงกันไว้แล้ว บัดนี้ไม่ได้ยินข่าวคราวแม้แต่น้อยนิด บอกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนแปลงเช่นนี้หรือ แล้วนางจะไปชี้แจงกับพี่ชายและพี่สะใภ้ที่บ้านเดิมอย่างไร
ซย่าโหวอวี๋เอ่ยต่อเนิบช้า “หลูยวนจะละทิ้งโอกาสในการแสดงอำนาจในครั้งนี้ได้อย่างไร ไม่ว่าจะเลือกแม่นางบ้านใดมาเป็นฮองเฮา ขอเพียงหลูยวนไม่พอใจ เขาย่อมต้องขัดขวาง แทนที่จะให้แม่นางบ้านอื่นต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย มิสู้รออีกสักพัก รอให้พวกเรามีความมั่นใจมากกว่านี้ค่อยว่ากัน”
เทศกาลซั่งซื่อครั้งนี้ นางไม่รู้ว่าหลูยวนจะก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกหรือไม่ แต่นางจะไม่ยอมให้การแต่งงานของน้องชายต้องกลายเป็นสนามต่อสู้ระหว่างนางกับหลูยวนเป็นอันขาด การคัดเลือกพระชายาสามารถเลื่อนออกไปอีกสองสามเดือน รอให้นางกับหลูยวนตัดสินแพ้ชนะได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
แต่ก่อนหน้านั้นนางต้องแน่ใจเรื่องหนึ่งก่อน
สรุปนางอยู่ในความฝันหรือย้อนกลับมาในอดีตเมื่อสิบปีก่อนกันแน่
ซย่าโหวอวี๋กุมมือชุยซื่อ อธิบายกับอีกฝ่ายอย่างละเอียดครู่ใหญ่ จึงขจัดความสงสัยของชุยซื่อไปได้ ทำให้ชุยซื่อเชื่อว่านี่ไม่ใช่คำพูดบ่ายเบี่ยงเพราะคิดจะแต่งตั้งคนอื่นขึ้นเป็นฮองเฮา
ส่งชุยซื่อออกจากวังแล้ว ซย่าโหวอวี๋ก็รีบรุดไปยังตำหนักทิงเจิ้ง
ซย่าโหวโหย่วเต้าโอรสสวรรค์ในวัยสิบสี่สวมชุดคลุมแขนกว้างสีดำปักลายนกและคนคู่ร่ายรำกำลังนั่งอ่านตำราอยู่ที่โต๊ะ เห็นซย่าโหวอวี๋เข้ามา เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างดีใจ ยิ้มเอ่ยเรียกเสียงดัง “พี่สาว!”
ซย่าโหวอวี๋มองน้องชายที่มีคิ้วตาหมดจด ผิวพรรณซีดขาว ร่างกายผอมแห้งอ่อนแอราวกับดอกผูกงอิง ที่แค่ลมพัดก็ปลิดปลิวไปได้ นางได้แต่เหม่อลอยไปชั่วขณะ
น้องชายของนางยังมีชีวิตอยู่ เขายืนอยู่ตรงหน้านาง ดวงตากระจ่างใส รอยยิ้มเจิดจ้า