น้ำตาของซย่าโหวอวี๋เอ่อล้นขนตา
ซย่าโหวโหย่วเต้ากลับพูดอย่างประหม่า “พี่สาว ท่านเป็นอะไรไป นางข้าหลวงตู้พูดอะไรต่อหน้าพี่สาวอีกแล้วหรือ”
แม้ตู้ฮุ่ยจะเป็นนางข้าหลวงของตำหนักเฟิ่งหยาง แต่ตำหนักเฟิ่งหยางเป็นตำหนักบรรทมของเหวินเซวียนฮองเฮา หลังจากเหวินเซวียนฮองเฮาป่วยตายไป ซย่าโหวอวี๋ก็พักอยู่ที่นี่ต่อ ตู้ฮุ่ยไม่เพียงเคยปรนนิบัติเหวินเซวียนฮองเฮา ยังเคยปรนนิบัติซย่าโหวอวี๋ เป็นคนที่เฝ้าดูพวกเขาพี่น้องเติบโตขึ้นมา
ในวังแห่งนี้มีเพียงตู้ฮุ่ยที่เป็นห่วงพวกเขาพี่น้องอย่างแท้จริง และมีเพียงนางที่กล้าฟ้องเรื่องเขาต่อหน้าซย่าโหวอวี๋ หลังจากนางออกเรือน ตู้ฮุ่ยยังรับคำสั่งนางมาตำหนักทิงเจิ้งอยู่บ่อยครั้ง เพื่อดูว่าซย่าโหวโหย่วเต้าทำอะไรบ้าง
ซย่าโหวอวี๋อดหัวเราะออกมาไม่ได้ นางลูบศีรษะน้องชาย เส้นผมของเขานุ่มสลวยดำขลับเปล่งประกาย ความรู้สึกที่ฝ่ามือสัมผัสนั้นจริงแท้ยิ่ง
นี่จะเป็นความฝันได้อย่างไร นางต้องย้อนกลับมาในอดีตแน่!
ซย่าโหวโหย่วเต้ากลับเบนศีรษะออก หลบมือของพี่สาว เขาบ่นอย่างไม่พอใจ “ข้าโตแล้วนะ พี่สาวจะปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ไม่ได้แล้ว ถ้าขุนนางใหญ่พวกนั้นมาเห็นเข้า ในใจพวกเขาต้องคิดว่าข้าเหยาะแหยะไม่หนักแน่น ยากจะทำการใหญ่”
“ได้! ได้!” ซย่าโหวอวี๋ปล่อยมืออย่างเชื่อฟัง ขณะที่สายตาก็ถูกประกายน้ำบดบัง จนภาพเปลี่ยนเป็นพร่าเลือน น้องชายของนางยังอ่อนเยาว์ถึงเพียงนี้ ทั้งเชื่อฟังและรู้ความ เขาจะตายได้อย่างไร!
ซย่าโหวอวี๋จับจ้องน้องชายตาไม่กะพริบ ในใจเจ็บปวดยากจะทานทน
ซย่าโหวโหย่วเต้ายังคิดว่าตนเองทำอะไรผิด เขารับชาร้อนที่ข้ารับใช้ยกมาให้ นำไปวางตรงหน้าพี่สาวด้วยตนเอง พลางปั้นยิ้มที่ดูไม่สบายใจเท่าไรนักและนั่งลงข้างกายนาง
ซย่าโหวอวี๋โอบไหล่น้องชายอย่างอดใจไม่อยู่ และถามถึงชีวิตประจำวันของเขาอย่างอ่อนโยน
“มีนางข้าหลวงตู้จับตาดูข้าอยู่ พี่สาวยังมีอะไรไม่วางใจอีก” ซย่าโหวโหย่วเต้ายิ้มเอ่ย “ไฉนวันนี้พี่สาวจึงถามถึงเรื่องพวกนี้เล่า”
ไม่น่าแปลกที่ซย่าโหวโหย่วเต้าจะประหลาดใจ สำหรับเขานั้น เพิ่งไม่ได้เจอนางแค่ไม่กี่ชั่วยาม แต่สำหรับนาง…กลับไม่ได้เจอน้องชายมาสิบปีแล้ว
ซย่าโหวอวี๋พยายามควบคุมอารมณ์ “ได้ยินว่าหลูไหวจะขอหงหนงแต่งให้บุตรชายคนโตของเขา มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือไม่”
“พี่สาวรู้ได้อย่างไร!” ซย่าโหวโหย่วเต้าตระหนกตกใจ
ซย่าโหวอวี๋ไม่พูดอะไร
ซย่าโหวโหย่วเต้าร้อนรนทันที “พี่สาว ท่านอย่าโกรธเลยนะ! ข้าให้คนส่งหนังสือไปให้แม่ทัพใหญ่แล้ว แม่ทัพใหญ่จะต้องตำหนิผู้ว่าการหลูแน่…” เขาพูดพลางเผยสีหน้ารังเกียจ “พี่สาวท่านไม่ต้องเป็นกังวล ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีทางรับปากแน่ พวกเขาสกุลหลูคิดว่าใต้หล้านี้เป็นของพวกเขาหรือไร แค่หลูยวนคนเดียวก็หน้าไม่อายมากพอแล้ว หลูไหวผู้นั้นยิ่งไร้ยางอายกว่า…ข้าอดทนกับหลูยวนเพราะเห็นแก่ที่เขาเคยช่วยเหลือข้า แต่หลูไหวนับเป็นตัวอะไร”
หลูไหวเป็นน้องชายแท้ๆ ของหลูยวน มีตำแหน่งเป็นผู้ว่าการมณฑลหยางโจว
หงหนงเป็นน้องสาวแท้ๆ ของนางที่มีชีวิตได้สามวันก็ตายจากไป หลังจากซย่าโหวโหย่วเต้าขึ้นครองราชย์ก็ได้แต่งตั้งนางเป็น ‘หงหนงเต้ากงจู่’