บุตรชายสายตรงคนโตของหลูไหวตายไปตอนแปดขวบ ฮูหยินของเขาเชื่อคำพูดของพระธุดงค์ บอกว่าบุตรชายของเขาถูกผีร้ายตามรังควาน จวบจนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไปเกิด หากสามารถแต่งงานหลังตายกับสตรีที่มีดวงชะตาวันเดือนปีเกิดสูงศักดิ์ ชาติหน้าย่อมได้เกิดในตระกูลใหญ่โตโดดเด่น
ไม่รู้ว่าหลูไหวผู้นั้นไปสืบหาดวงชะตาวันเดือนปีเกิดของหงหนงเต้ากงจู่มาจากที่ใด เอ่ยว่าจะขอแต่งหงหนงเต้ากงจู่เป็นภรรยาของบุตรชายคนโตของตนในงานเลี้ยงวันเทศกาลซั่งซื่อ
บางทีอาจเหมือนตอนนี้ น้องชายกลัวนางโกรธจึงไม่ได้บอกอะไรกับนางทั้งนั้น ในงานวันเทศกาลซั่งซื่อหลูยวนก็ยกเรื่องนี้มาพูดก่อน พอน้องชายปฏิเสธ เขาค่อยพาหลานสาวมาพบน้องชาย…น้องชายข่มกลั้นโทสะไม่อยู่ ขุนนางพวกนั้นจึงรู้สึกว่าน้องชายไม่ไว้หน้าสกุลหลู
ซย่าโหวอวี๋ยิ้มให้ซย่าโหวโหย่วเต้า พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “พี่สาวไม่ได้โกรธ แค่ตื้นตันใจที่น้องชายเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว รู้จักดูแลพี่สาวเช่นนี้ พี่สาวรู้สึกดีใจมาก!”
“จริงหรือ” ซย่าโหวโหย่วเต้าทั้งตกใจทั้งยินดี เขยิบมานั่งข้างกายซย่าโหวอวี๋อีกครั้ง “พี่สาว ต่อไปท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าอีกแล้ว แค่ใช้ชีวิตร่วมกับพี่เขยให้ดีก็พอ มีหลานชายหลานสาวให้ข้าสักสองสามคน ถึงเวลานั้นข้าจะแต่งตั้งพวกเขาเป็นจวิ้นอ๋อง* กับกงจู่ หากใครกล้าพูดอะไร ข้าก็จะเนรเทศออกไปเสีย”
“ได้เลย!” ซย่าโหวอวี๋รับคำ น้ำตาไหลรินอย่างห้ามไม่อยู่อีกต่อไป
สิ่งที่ซย่าโหวโหย่วเต้าหวาดกลัวที่สุดคือเห็นพี่สาวซย่าโหวอวี๋หลั่งน้ำตาอย่างโศกเศร้า
เขาคลอดออกมาก่อนกำหนด อ่อนแอเหมือนลูกแมวตัวหนึ่ง หากไม่มีมารดาคอยดูแลอย่างเอาใจใส่ ป่านนี้เขาคงตายไปนานแล้ว เพียงแต่เหวินเซวียนฮองเฮาตั้งครรภ์หงหนงตอนเขาอายุสามขวบ ตอนคลอดหงหนงแล้วตกเลือด แม้เหวินเซวียนฮองเฮาจะรอดชีวิตมาได้ แต่หงหนงกลับเสียชีวิต เหวินเซวียนฮองเฮาสะเทือนใจ นับแต่นั้นมาก็ล้มป่วยอยู่บนเตียงหลายปี นางไม่มีเรี่ยวแรงมาดูแลเอาใจใส่ซย่าโหวโหย่วเต้าอีกเลย จนกระทั่งจากโลกนี้ไป
ซย่าโหวโหย่วเต้ามาอยู่กับซย่าโหวอวี๋ตั้งแต่อายุสามขวบ ซย่าโหวอวี๋ช่วยเขาประจบเอาใจบิดา ช่วยเขาปกครองข้ารับใช้ ช่วยเขากำราบเหล่าขุนนาง หากไม่มีพี่สาวคนนี้ ต่อให้เขาเป็นรัชทายาทก็ไม่มีปัญญาขึ้นครองราชย์ได้ ถึงขั้นอาจชักนำภัยมาสู่ชีวิตเพราะเคยถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาทเสียด้วยซ้ำ
ในใจเขา ซย่าโหวอวี๋เป็นคนที่ดีกับเขาที่สุดในใต้หล้า แม้แต่เหวินเซวียนฮองเฮายังด้อยกว่าพี่สาวคนนี้ของเขาเล็กน้อย แล้วเขาจะทนเห็นพี่สาวเสียใจได้อย่างไร
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เขาลุกขึ้นยืนด้วยร้อนใจจนอดรนทนไม่ไหว “พี่เขยไม่ดีกับท่านหรือ หรือท่านเป็นกังวลเรื่องหลูยวน ไม่เป็นไรนะ ขอเพียงข้าไม่รับปาก หลูยวนทำอะไรข้าไม่ได้หรอก หงหนงเป็นน้องสาวของข้า ข้าไม่ยอมให้นางต้องทนรับความอัปยศอดสูเช่นนี้แน่ พี่สาว ท่านรอข้าอีกไม่กี่ปี ข้า…ข้าจะไม่เป็นเช่นนี้ไปตลอดแน่ ไม่ปล่อยให้ท่านต้องถูกใครรังแก” ตอนซย่าโหวโหย่วเต้าพูดเช่นนี้ เขาก็โมโหจนหน้าแดง
เขารู้ เป็นเพราะความอ่อนแอไร้ความสามารถของเขาจึงทำให้พี่สาวต้องแต่งงานกับเซียวหวนที่เย็นชาผู้นั้น พี่สาวที่เป็นสตรีสูงศักดิ์และหยิ่งทะนงจำต้องก้มหัวยามอยู่ต่อหน้าหลูยวน…
ซย่าโหวโหย่วเต้าละอายใจเหลือเกิน เขาจับชายเสื้อของซย่าโหวอวี๋อย่างขลาดกลัว ก่อนก้มหน้าเอ่ยว่า “พี่สาว ท่านอย่าร้องไห้เลย!”
ซย่าโหวอวี๋อยากดึงน้องชายมากอดเหลือเกิน แต่กลัวจะทำให้เขาตกใจ นางจึงจับมือน้องชาย ส่งสัญญาณให้เขานั่งลงข้างตน ตบมือเขาเบาๆ และเอ่ยว่า “พี่สาวดีใจจนร้องไห้ต่างหาก”
ซย่าโหวโหย่วเต้ายังคงคลางแคลงใจ
ซย่าโหวอวี๋ได้แต่ตอบว่า “วันนี้ข้าเรียกตัวฟั่นฮูหยิน พระชายาหลิ่วและน้าสะใภ้มาคุยเรื่องการแต่งงานของเจ้า…” นางเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตำหนักเฟิ่งหยางก่อนหน้านี้ให้ซย่าโหวโหย่วเต้าฟังทั้งหมด
ซย่าโหวโหย่วเต้าดีใจจนกระโดดขึ้นมา ก่อนจะเดินวนไปมาในตำหนักข้างอย่างตื่นเต้นสองรอบ แล้วนั่งคุกเข่าลงข้างกายซย่าโหวอวี๋อีกครั้ง “พี่สาว เมื่อเป็นเช่นนี้แม่ทัพใหญ่ก็ไม่สามารถบังคับพวกเราได้แล้วกระมัง ยังคงเป็นพี่สาวที่ฉลาด รู้ว่าต้องรับมือแม่ทัพใหญ่อย่างไร มิน่าแม่ทัพใหญ่ถึงไม่ชอบพี่สาว มักบอกว่าพี่สาวไม่มีลักษณะของสตรีสักอย่าง แต่ใครกำหนดกันเล่าว่าสตรีสมควรเป็นเช่นไร…”
เขาบ่นเสียยืดยาว ซย่าโหวอวี๋ฟังแล้วทรมานใจเหลือเกิน