บทที่ 1
รัชศกเจี้ยนอันปีที่สาม ฤดูใบไม้ผลิ อากาศวิปริตอย่างมาก
ยังไม่พ้นวันที่หนึ่งเดือนหนึ่ง ลมที่พัดปะทะใบหน้าก็ไม่มีความหนาวเย็นแล้ว พอพ้นเทศกาลซั่งหยวน ไป ใบอ่อนและดอกตูมของต้นไม้ก็ไม่รู้โผล่มาจากที่ใดในชั่วข้ามคืน ประชันขันแข่งกันด้วยสีสันละลานตา กิ่งหลิวห้อยระย้า น้ำในทะเลสาบเขียวกระจ่าง สกุณาโบยบิน ผีเสื้อเริงระบำ ทั่วทุกหนแห่งล้วนเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์มีชีวิตชีวา
แม้วังเสี่ยนหยางจะยังไม่ถึงเวลาเปลี่ยนชุดเป็นชุดฤดูใบไม้ผลิ แต่สตรีในวังกลับอดใจไม่ไหวเปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องประดับเป็นสีสันที่รับกับทิวทัศน์แล้ว แม้แต่ย่างก้าวที่เดินยังสดใสว่องไวขึ้นหลายส่วนตามอากาศที่อบอุ่นขึ้นอีกครั้ง
ทว่าอากาศแจ่มใสเช่นนี้กลับคงอยู่เพียงไม่กี่วัน เมืองเจี้ยนคังก็ต้องเผชิญกับอากาศเย็นและฝนที่โปรยปรายลงมาอีกครั้ง ถึงขั้นมีหิมะตกหนัก
หิมะที่เหมือนปุยหลิวนุ่มละมุนตกลงมาติดต่อกันหลายวัน รอจนแสงแดดสาดส่องอีกครั้ง เพียงสองสามวันก็ละลายหายไปเกลี้ยง อากาศค่อยๆ หวนคืนสู่ความอบอุ่น แม้จะเป็นเช่นนี้ เวลาอยู่นอกห้องก็ยังต้องสวมเสื้อขนสัตว์จึงจะไม่หนาวจนปลายนิ้วเย็นเฉียบ
เนื่องจากอาเหลียงไม่ต้องอยู่เวร นางจึงห่อร่างด้วยผ้าห่มนุ่มฟูนอนหลับอุตุ ทว่ากลับถูกคนลากตัวออกมาจากผ้าห่มกะทันหัน
พอร่างกายสัมผัสความเย็น นางก็สั่นสะท้านและได้สติขึ้นมาทันใด ถึงได้พบว่าหัวเตียงของตนมีนางกำนัลยืนล้อมอยู่เจ็ดแปดคน ไม่ไกลออกไป ตู้ฮุ่ยจากตำหนักเฟิ่งหยางกับชุยซื่อน้าสะใภ้ของจิ้นหลิงจ่างกงจู่กำลังจ้องมองนางด้วยสีหน้าถมึงทึง
นางอกสั่นขวัญผวา ด้วยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงลุกขึ้นคุกเข่าอยู่บนเตียง
ตู้ฮุ่ยพูด “ข้าขอถามเจ้า เจ้าตอบมาตามตรง จ่างกงจู่ไปอยู่ที่ใด”
อาเหลียงงุนงงไปหมด นางเป็นเพียงนางกำนัลหวีผมตำแหน่งเล็กๆ ในตำหนักเฟิ่งหยาง หากไม่มีหน้าที่ก็ไม่มีทางได้ปรากฏตัวต่อหน้าจ่างกงจู่ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจ่างกงจู่ไปที่ใด
เห็นชัดว่าผู้ที่ถามนางก็รู้อะไรบางอย่างมาเช่นกัน นางกำนัลด้านข้างจึงเอ่ยเตือนนางเสียงค่อย “เมื่อครู่นางข้าหลวงตู้ยังคุยกับจ่างกงจู่อยู่เลย พอชุยฮูหยินเข้าวัง นางข้าหลวงตู้จึงไปรับฮูหยินเข้ามา กลับมาอีกทีจ่างกงจู่ก็หายตัวไป เจ้าคิดดูให้ดี จ่างกงจู่ไปที่ใดหรือไม่”
อาเหลียงเข้าใจแจ่มแจ้ง หลายวันก่อนจิ้นหลิงจ่างกงจู่กลับวังมาอย่างกะทันหัน ทั้งยังพักอยู่ในตำหนักเฟิ่งหยาง คนในวังล้วนบอกว่าจิ้นหลิงจ่างกงจู่ทะเลาะกับฟู่หม่าตูเว่ยเซียวหวน โอรสสวรรค์จะลงโทษสกุลเซียว ทว่าเมื่อคืนตอนนางไปช่วยถอดเครื่องประดับและเช็ดเครื่องประทินโฉมให้จิ้นหลิงจ่างกงจู่ กลับรู้สึกว่าสีหน้าท่าทีของจิ้นหลิงจ่างกงจู่ดูสงบมาก ทั้งยังชมนางว่ามือไม้คล่องแคล่ว อยากจะตามกลับไปปรนนิบัติที่จวนจ่างกงจู่ด้วยหรือไม่
นางข้าหลวงตู้ต้องคิดว่าจ่างกงจู่พูดอะไรอย่างอื่นกับนางเป็นแน่ คงเพราะตามหาจนทั่วแล้วก็ยังไม่พบจ่างกงจู่ ถึงได้พยายามด้วยหนทางสุดท้าย แม้แต่นางก็ถูกซักถามไปด้วย นางจึงรีบก้มหน้าลง เล่าเหตุการณ์น้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ตู้ฮุ่ยกับชุยซื่อฟังทั้งหมด
ทั้งสองมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้ซย่าโหวอวี๋ที่ดูสุขุมเยือกเย็นมาแต่ไหนแต่ไรหายตัวไปตามลำพังคนเดียวเช่นนี้
ชุยซื่อขบคิดดูแล้วจึงส่งสายตาให้ตู้ฮุ่ย ทั้งสองคนเดินออกไปด้วยกัน นางกำนัลที่ตามตู้ฮุ่ยมาก็เดินออกไปด้วย
ห้องเล็กแคบพลันกว้างและสว่างขึ้นทันที อาเหลียงพรูลมหายใจยาว นางขบคิดว่า…จิ้นหลิงจ่างกงจู่หายไปอยู่ที่ใดนะ