ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน อริร้ายหวนรัก บทที่ 2
การเดินทางไปสวีโจวหรืออวี้โจวนั้น หยางโจวเป็นเส้นทางที่ต้องผ่าน ผู้ว่าการมณฑลหยางโจวคือหลูไหว สกุลเซียวเป็นตระกูลเก่าแก่ในเมืองอู๋เดิม ขอบเขตอำนาจจึงอยู่ในอู๋จงเท่านั้น ผู้ว่าการมณฑลอวี้โจวกับผู้ว่าการมณฑลสวีโจวล้วนแต่เป็นคนของหลูยวน การกระทำนี้ของหลูยวนเห็นชัดว่าเป็นการป้องกันเซียวหวน เกรงว่าเซียวหวนมีอำนาจแล้วจะทำให้ซย่าโหวโหย่วเต้าแข็งข้อมากยิ่งขึ้น
ชาติก่อน พอซย่าโหวโหย่วเต้าสลบไสลไม่ได้สติ แม้ซย่าโหวอวี๋จะให้คนใช้ม้าเร็วนำข่าวไปแจ้งเซียวหวนในทันที แต่ในใจก็รู้ว่าเซียวหวนเพิ่งไปถึงที่นั่น ยังไม่ทันได้กอบกู้ตำแหน่งฐานะของตนเองเลยด้วยซ้ำ แล้วจะรุดกลับมาได้อย่างไร
แต่ที่เหนือความคาดหมายของนางคือ ภายหลังเซียวหวนไม่เพียงรุดกลับมาถึงได้ทันเวลา เขายังสมคบกับเฝิงซื่อได้ ‘ทันท่วงที’ ด้วย โลงของน้องชายนางเพิ่งจะถูกย้ายไปที่สุสาน เขาก็เสนอให้แต่งตั้งซย่าโหวโหย่วฝูที่ถือกำเนิดจากเฝิงซื่อขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้ว…
คิดถึงตรงนี้ ซย่าโหวอวี๋ก็รู้สึกปวดหัว นางตัดสินใจพักเรื่องของเซียวหวนไว้ก่อน แล้วหันไปคิดถึงหลานสาวคนนั้นของหลูยวน
ชาติก่อน งานวันเทศกาลซั่งซื่อจัดที่ข้างเขาจงซาน พื้นที่กว้างขวาง ผู้คนมากมาย ภายในงานวุ่นวายเล็กน้อย นางจึงไม่ทันสังเกตว่าฟั่นซื่อพาใครมาร่วมงานเลี้ยงบ้าง รอจนหลูยวนดึงหลานสาวคนนั้นของเขามาตรงหน้านางก็สายเกินไปแล้ว
ทว่าครั้งนี้หลูยวนกลับไม่ได้พาคนมา เขาเปลี่ยนใจ? หรือมีแผนการอื่นกันแน่
ซย่าโหวอวี๋ครุ่นคิดในใจและอดใจลอยไม่ได้ กว่านางจะได้สติกลับมาอีกครั้ง งานเลี้ยงก็ใกล้ยุติลงแล้ว พวกเด็กหญิงเด็กชายล้วนกระสับกระส่ายนั่งไม่ติดที่ ต่อให้มารดาทั้งหลายหลอกล่อหรือตวาดเสียงค่อยก็ไม่ได้ผลนัก
นางเม้มปากยิ้ม รู้สึกเอ็นดูพวกเขาทีเดียว ตอนแต่งงานกับเซียวหวนใหม่ๆ นางเองก็อยากมีลูกเป็นของตนเอง แต่ภายหลัง…สรรพสิ่งล้วนไม่แน่นอน นางแค่รู้สึกโชคดีที่ไม่ได้มีลูกกับเซียวหวน หาไม่แล้วย่อมมีแต่ทำให้เลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองต้องลำบาก นางยิ้มสั่งเถียนเฉวียน “เลิกงานเถอะ! อย่าทำให้พวกเด็กๆ อึดอัดจนทนไม่ไหวเลย”
บางทีคนที่ไม่มีลูกก็ดูชอบเด็กเป็นพิเศษ เถียนเฉวียนยิ้มรับคำ สีหน้าเมตตาอารีเป็นอย่างมาก
เด็กหญิงกับเด็กชายวิ่งออกไปทันที ข้ารับใช้ข้างกายจึงรีบตามไป มารดาแต่ละคนขมวดคิ้วนิ่วหน้า บางคนรีบคว้าลูกตนเองที่ยังไม่ได้วิ่งออกไปไว้ แล้วบ่นเสียงค่อย “ไฉนเจ้าจึงซุกซนถึงเพียงนี้ เจ้าดูคุณชายรองกับคุณชายสามสกุลหลูสิ ไม่เห็นพวกเขาจะเหมือนพวกเจ้าเลย!”
‘คุณชายรองกับคุณชายสามสกุลหลู’ ย่อมหมายถึงบุตรชายทั้งสองคนของหลูยวน ยามนี้พวกเขานั่งคุกเข่าอย่างเรียบร้อยข้างกายฟั่นซื่อ ท่าทางว่าง่ายรู้ความ
รักสนุก ซุกซนถือเป็นนิสัยตามธรรมชาติของเด็ก สามารถนั่งนิ่งได้ในเวลาเช่นนี้ หากมิใช่คนอ่อนแอไร้ความสามารถก็ย่อมเป็นคนเสแสร้งแกล้งทำ ซย่าโหวอวี๋ค่อนขอดอยู่ในใจ นางรู้ว่าตนเองกำลังพาล ด้วยคุณชายรองกับคุณชายสามสกุลหลูพอเติบโตขึ้นมาแล้ว แม้จะไม่โดดเด่นเหมือนบุตรชายคนโตสกุลหลู แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าทำผิดคิดร้ายอะไร
ระหว่างขบคิด นางก็เห็นหลูไหวลุกขึ้นเดินเข้ามาหานางกับซย่าโหวโหย่วเต้า ซย่าโหวอวี๋ตื่นตัวทันที
ชาติก่อนหลูไหวก็เดินทะเล่อทะล่าเข้ามาเช่นนี้ ตอนนั้นนางกำลังพูดคุยกับชุยซื่ออยู่จึงไม่ทันสังเกต กว่าจะรู้เจตนาของหลูไหว ซย่าโหวโหย่วเต้าก็ตวาดด่าหลูไหวเสียงดังลั่นแล้ว ทุกครั้งที่ย้อนคิดถึงเรื่องนี้ ซย่าโหวอวี๋ล้วนสงสัยว่านี่เป็นแผนการของหลูยวน หลูไหวไม่ได้ตั้งใจจะให้หงหนงแต่งงานหลังตายกับบุตรชายคนโตของเขาจริงๆ แต่ทำไปเพื่อให้หลานสาวของพวกเขาได้แต่งงานกับน้องชายนางต่างหาก
ซย่าโหวอวี๋นั่งเท้าแขนกับโต๊ะพลางชูจอกทักทายกับสตรีสูงศักดิ์ที่นั่งอยู่เบื้องล่างด้วยท่าทางเหมือนผ่อนคลาย ทว่าความคิดจิตใจทั้งหมดกลับอยู่ที่ซย่าโหวโหย่วเต้าที่อยู่ห่างจากนางไปสิบกว่าก้าว
หลูไหวถือจอกสุราเดินไปตรงหน้าซย่าโหวโหย่วเต้าเหมือนเมื่อชาติที่แล้ว เขาโค้งกายเล็กน้อย ทำท่าเหมือนคารวะอย่างนอบน้อม จากนั้นจึงพูดเรื่องบุตรชายคนโตของเขา “ตัวเขาเล็กเท่านี้ น่ารักถึงเพียงนั้น แต่กระหม่อมที่เป็นบิดากลับไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ บัดนี้ย้อนคิดดูทีไรก็ล้วนเจ็บปวดยากจะทานทน กลางคืนนอนไม่หลับ อยากจัดการเรื่องการแต่งงานให้เขา หงหนงกงจู่ชาติตระกูลสูงศักดิ์ อายุไล่เลี่ยกับบุตรชายกระหม่อมพอดี กระหม่อมขอฝ่าบาทโปรดเมตตา ให้บุตรชายกระหม่อมได้แต่งหงหนงกงจู่เป็นภรรยาด้วยเถอะ”
“เจ้า!” ซย่าโหวโหย่วเต้าโมโหจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง เขาเงื้อคทาหยกในมือทำท่าจะเขวี้ยงไปที่หลูไหว
ขุนนางใหญ่ที่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขายังคงไม่มีอาการตอบสนองใดๆ ส่วนขุนนางที่ได้ยินไม่ชัดเจนก็ล้วนไม่เข้าใจ ทุกคนหันไปมองหลูไหวกับซย่าโหวโหย่วเต้า ดูเหมือนคำพูดเดียวของหลูไหวจะทำให้ซย่าโหวโหย่วเต้าโมโหแล้ว ซย่าโหวโหย่วเต้าฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดจริงๆ เขาไม่เพียงไม่มีความสุขุมมั่นคงของกษัตริย์ ยังไม่มีความใจกว้างเฉกเช่นที่กษัตริย์พึงมี
ไม่แปลกที่ชาติก่อนน้องชายนางจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากเหล่าขุนนาง ซย่าโหวอวี๋ถอนหายใจอยู่ในใจ นางลุกขึ้นเอ่ยเสียงขรึม “การแต่งงานถือเป็นเรื่องใหญ่ นอกจากการตัดสินใจของบิดามารดาแล้ว ยังต้องดูดวงชะตาวันเดือนปีเกิดด้วย ผู้ว่าการหลูมาสู่ขอหงหนงของพวกเรา ไม่ทราบว่าเคยเชิญอาจารย์มาเทียบดวงชะตาดูแล้วหรือไม่”