ซย่าโหวอวี๋ขอบตาเปียกชื้น นางเก็บอารมณ์อย่างรวดเร็ว ยิ้มพูดกับหลูยวน “แม่ทัพใหญ่คิดเหมือนกับข้าเลย เทศกาลซั่งซื่อครั้งนี้ข้าตั้งใจมาสังเกตแม่นางน้อยจากตระกูลต่างๆ พอดี!”
หลูยวนทำท่าคาดไม่ถึง เขาขบคิดและตอบว่า “ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินจ่างกงจู่พูดถึงเลย”
ซย่าโหวอวี๋ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “การแต่งงานถือเป็นเรื่องใหญ่ จะตัดสินใจอย่างเร่งรีบได้อย่างไร วันนี้ข้าก็แค่ดูๆ เท่านั้น” พูดพลางปรายตามองซย่าโหวโหย่วเต้า ราวกับกำลังบอกหลูยวนว่าที่นางตัดสินใจจัดงานเลี้ยงในอุทยานหวาหลินก็เพื่อให้ซย่าโหวโหย่วเต้าได้เห็นแม่นางน้อยเหล่านั้นตอนพวกนางคารวะตน
หลูยวนสีหน้าไม่ดีนัก
ซย่าโหวอวี๋ยิ้มกระหยิ่ม ร้องเรียกชุยซื่อ “ข้ากับโอรสสวรรค์จะไปเดินเล่นที่ริมทะเลสาบ รบกวนน้าสะใภ้ช่วยแนะนำแม่นางทั้งหลายให้ข้ารู้จักด้วย มีแม่นางที่ยังอ่อนเยาว์บางส่วนที่ข้าจำไม่ค่อยได้แล้ว”
ชุยซื่อยิ้มรับคำ ซย่าโหวโหย่วเต้าพูดอย่างเขินอาย “ข้า…ข้าต้องไปด้วยหรือ”
“แน่นอน!” ซย่าโหวอวี๋ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ทุกคนล้วนเข้าใจ นางต้องการให้ซย่าโหวโหย่วเต้าถือโอกาสนี้ดูตัวแม่นางจากตระกูลต่างๆ
สีหน้าหลูยวนย่ำแย่กว่าเดิม เขาพูด “เรื่องนี้จะไม่เหมาะหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ซย่าโหวอวี๋ยิ้มพูด “เรื่องนี้มีอะไรไม่เหมาะเล่า วันนี้เป็นวันเทศกาลซั่งซื่อนะ”
เทศกาลซั่งซื่อ เรียกอีกชื่อว่าเทศกาลผู้หญิง เป็นเทศกาลที่สตรีออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นแถบชานเมือง ทั้งยังเป็นวันที่ชายหนุ่มดูตัวหญิงสาว
ชุยซื่อปิดปากหัวเราะ ซย่าโหวโหย่วเต้าก้มหน้าอย่างเขินอาย เดินตามหลังซย่าโหวอวี๋ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ
พวกซย่าโหวอวี๋ถูกนางกำนัลและขันทีห้อมล้อมเดินไปยังศาลาริมสระไท่เยี่ย หญิงสาวที่จับกลุ่มเล่นกันอยู่ตรงนั้นเจ้าผลักข้า ข้าผลักเจ้า หัวเราะคิกคักพลางมองมายังซย่าโหวโหย่วเต้า ซย่าโหวโหย่วเต้าไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าด้วยซ้ำ
ซย่าโหวอวี๋เห็นคุณหนูเจ็ดสกุลชุยในชุดกระโปรงสีแดงยืนอยู่ข้างหญิงสาวกลุ่มนั้น อีกฝ่ายบิดผ้าเช็ดหน้าแอบมองซย่าโหวโหย่วเต้า ซย่าโหวอวี๋อดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ นางเดินเข้าไปในศาลาพร้อมน้องชายช้าๆ
แม่นางน้อยทั้งหลายกลับคืนสู่ท่าทางสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเยี่ยงกุลสตรีจากตระกูลใหญ่ แต่ละคนเข้ามาคารวะซย่าโหวโหย่วเต้ากับซย่าโหวอวี๋ด้วยท่าทางเคร่งขรึมสง่างาม
ซย่าโหวโหย่วเต้าไม่รู้แล้วว่ามือเท้าจะวางอย่างไรดี
ซย่าโหวอวี๋ได้แต่ยิ้มก้าวเข้าไปบอกให้พวกนางลุกขึ้น พลางถามอย่างสนิทชิดเชื้อว่าพวกนางเป็นบุตรสาวบ้านใด มางานกับใคร และปกติทำอะไรกันบ้าง
คุณหนูเจ็ดสกุลชุยยืนอยู่หลังสุด เพียงแต่ซย่าโหวอวี๋ยังไม่ทันได้เอ่ยถามนาง ฟั่นซื่อโผล่ออกมาจากที่ใดก็ไม่รู้ ทั้งยังพาแม่นางคนหนึ่งที่ทั้งอ้วนและดำเข้ามาคารวะ
“นี่เป็นบุตรสาวสายตรงคนโตของบ้านอาสามของหม่อมฉัน คุณหนูสี่สกุลหลู เดิมทีควรมาคารวะจ่างกงจู่ตั้งนานแล้ว ทว่าก่อนหน้านี้นางอยู่บ้านเดิมคอยปรนนิบัติไท่ฮูหยิน จึงไม่มีโอกาสได้เข้าวัง ครั้งนี้ไท่ฮูหยินมาพักในเมืองเจี้ยนคังชั่วคราว หม่อมฉันจึงพานางมาคารวะจ่างกงจู่ด้วย”
แม้คุณหนูสี่สกุลหลูจะไม่งดงาม แต่นัยน์ตาคู่นั้นกลับดำขลับ ดูเฉลียวฉลาดมีไหวพริบมาก นางก้าวตรงไปคุกเข่าเบื้องหน้าซย่าโหวอวี๋กับซย่าโหวโหย่วเต้าทันที
แค่ซย่าโหวอวี๋รู้ว่านางเป็นหลานสาวของหลูยวนก็ไม่อาจทำใจชอบนางได้แล้ว ทว่าซย่าโหวโหย่วเต้ากลับทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว พิจารณานางด้วยความอยากรู้อยากเห็น คุณหนูสี่สกุลหลูก็ยิ้มให้ซย่าโหวโหย่วเต้า
ซย่าโหวโหย่วเต้าให้เกียรติสตรีมาแต่ไหนแต่ไร แม้แต่นางกำนัลข้างกายเขาก็ยังสุภาพเป็นมิตร เห็นคุณหนูสี่สกุลหลูทักทายเขาเช่นนี้ เขาจึงยิ้มให้นางอย่างเป็นมิตร
ซย่าโหวอวี๋เห็นแล้วไม่พอใจ นางพูดเสียงเรียบกับคุณหนูสี่ “ลุกขึ้นแล้วค่อยพูดเถอะ!”
คุณหนูสี่รับคำอย่างนอบน้อม ถอยไปอยู่ข้างหลังฟั่นซื่อ