ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน อริร้ายหวนรัก บทที่ 2
ซย่าโหวอวี๋ถามคุณหนูสี่เหมือนที่ถามแม่นางทั้งหลายในศาลาก่อนหน้านี้ “มาเจี้ยนคังตั้งแต่เมื่อไร พักอยู่ที่นี่เคยชินหรือไม่ ไท่ฮูหยินที่บ้านสบายดีหรือเปล่า”
คุณหนูสี่ตอบทีละคำถาม ซย่าโหวอวี๋ยิ้มพูดกับฟั่นซื่อ “ดูไปแล้วคุณหนูสี่ดูก็น่าจะสิบสี่สิบห้าแล้วกระมัง มีผู้ใดมาเจรจาทาบทามแล้วหรือยัง”
ฟั่นซื่อส่ายศีรษะ กำลังจะพูดอะไร ซย่าโหวอวี๋กลับชิงพูดตัดหน้านางเสียก่อน “ไฉนจึงมีคำว่าบังเอิญได้เล่า สองสามวันก่อนข้าพูดถึงแม่นางน้อยและคุณชายน้อยทั้งหลายในเมืองเจี้ยนคังกับน้าสะใภ้ น้าสะใภ้ก็เอ่ยถึงคุณชายบ้านอวี๋เหยาต้าจ่างกงจู่ ปีนี้อายุสิบแปดแล้วก็ยังไม่ได้เจรจาเรื่องการแต่งงาน ไหว้วานให้น้าสะใภ้ช่วยดูตัวให้พอดี ข้าเห็นคุณหนูสี่เป็นคนมีไหวพริบ อวี๋เหยาต้าจ่างกงจู่เห็นจะต้องถูกใจแน่ มิสู้ให้น้าสะใภ้ของข้าเป็นแม่สื่อให้คุณหนูสี่บ้านพวกเจ้าเป็นเช่นไร”
ฟั่นซื่อตะลึงงัน ซย่าโหวอวี๋จู่โจมนางจนตั้งตัวไม่ติด อวี๋เหยาต้าจ่างกงจู่เป็นน้องสาวร่วมอุทรของอู่จงฮ่องเต้ เป็นอาของซย่าโหวอวี๋และซย่าโหวโหย่วเต้า เนื่องจากนิสัยร้ายกาจเอาแต่ใจ จึงไม่เป็นที่ชื่นชอบของอู่จงฮ่องเต้ ได้แต่หาตระกูลหนึ่งให้นางออกเรือนไปแบบส่งๆ ตั้งนานแล้ว ตระกูลสามีไม่โดดเด่น บุตรชายคนเดียวไม่เพียงรูปโฉมธรรมดา นิสัยยังดื้อรั้นเอาแต่ใจเป็นพิเศษ ไม่ได้เรื่องทั้งด้านบุ๋นและบู๊ วันทั้งวันดีแต่ก่อเรื่องสร้างความวุ่นวาย ทว่าอวี๋เหยาต้าจ่างกงจู่กลับประคบประหงมบุตรชายผู้นี้ไว้ในฝ่ามือประดุจเป็นของล้ำค่า ไม่เพียงรักใคร่ตามใจเท่านั้น พอถึงวัยแต่งงานแล้ว ก็ยังไม่เห็นหญิงสาวตระกูลทั่วไปอยู่ในสายตา จะหาลูกสะใภ้ที่มาจากตระกูลขุนนางให้ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ บุตรชายนางที่อายุสิบแปดแล้วจึงยังไม่ได้เจรจาเรื่องการแต่งงานเสียที
ฟั่นซื่อโมโหเหลือเกิน หลูยวนตามตัวคุณหนูสี่มาเมืองเจี้ยนคังก็เพื่อให้นางแต่งงานกับซย่าโหวโหย่วเต้า ซย่าโหวอวี๋ทำเช่นนี้หมายความว่าอะไร รู้สึกว่าคุณหนูสี่สกุลหลูได้แต่ครองคู่กับคนเสเพลที่บ้านอวี๋เหยาต้าจ่างกงจู่กระนั้นหรือ
ฟั่นซื่ออยากโต้แย้งแต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี…หากนางปฏิเสธข้อเสนอของซย่าโหวอวี๋ตรงๆ ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ไม่เพียงหักหน้าซย่าโหวอวี๋ ยังเป็นการล่วงเกินอวี๋เหยาต้าจ่างกงจู่ที่ชอบหาเรื่องผู้อื่นด้วย แต่หากนางปฏิเสธซย่าโหวอวี๋อย่างอ้อมค้อม ก็เกรงว่าคนมากปากมาก หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีลือออกไปว่าคุณหนูสี่สกุลหลูเจรจาเรื่องการแต่งงานกับคุณชายบ้านอวี๋เหยาต้าจ่างกงจู่ คุณหนูสี่ย่อมจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้ซย่าโหวอวี๋มีข้ออ้างตัดคุณหนูสี่ออกจากตัวเลือกการเป็นฮองเฮา
ฟั่นซื่อขบคิดดูแล้ว ในใจพลันว้าวุ่น ซย่าโหวอวี๋มิใช่คนที่ชอบเป็นแม่สื่อแม่ชัก นางเพิ่งพบคุณหนูสี่เป็นครั้งแรก ไฉนจู่ๆ จึงบอกว่าจะเป็นแม่สื่อให้คุณหนูสี่ได้เล่า ทั้งอีกฝ่ายยังเป็นคนไม่เอาไหนอย่างบุตรชายของอวี๋เหยาต้าจ่างกงจู่ หรือว่าซย่าโหวอวี๋รู้เจตนาของแม่ทัพใหญ่แต่แรกแล้ว จึงต้องการใช้วิธีนี้ตอบโต้แม่ทัพใหญ่ แต่ซย่าโหวอวี๋ทราบเรื่องได้อย่างไร หรือว่าข้างกายพวกเขามีคนของซย่าโหวอวี๋
ไม่ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ฟั่นซื่อก็ต้องรีบไปบอกแม่ทัพใหญ่ นี่ไม่ใช่เรื่องที่นางจะตัดสินใจและแก้ไขปัญหาได้แล้ว! ฟั่นซื่อมองหาหลูยวน
หลูยวนย่อมรู้อยู่แล้วว่าหลานสาวตนผู้นี้รูปโฉมไม่โดดเด่น พบกันครั้งแรกยากที่จะทำให้ผู้อื่นชื่นชอบ แต่หลานสาวคนนี้เฉลียวฉลาดปราดเปรียว กระจ่างแจ้งในหลักคุณธรรม เป็นสตรีคนเดียวในตระกูลที่อายุไล่เลี่ยกับซย่าโหวโหย่วเต้า เขาถูกใจมากทีเดียว รู้สึกว่าหากไม่พยายามทำให้นางเข้าวังย่อมน่าเสียดายเกินไป แต่ใจเขาตระหนักดีว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายดายถึงเพียงนั้น จำเป็นต้องมีเงื่อนไขและโอกาสที่เหมาะสม ดังนั้นตอนฟั่นซื่อพาคุณหนูสี่ไปคารวะซย่าโหวอวี๋ เขาจึงทำทียืนอยู่ข้างต้นไม้ริมทะเลสาบพูดคุยกับขุนนางสองสามคนที่กำลังประจบเขา แต่ความจริงกลับคอยสังเกตสถานการณ์ที่ศาลาริมน้ำตลอดเวลา
เห็นฟั่นซื่อชะเง้อคอมองมาทางเขา เขารู้ทันทีว่าสถานการณ์ไม่ดีแน่ แต่ในฐานะขุนนางคนสำคัญของราชสำนัก กลับไม่สะดวกจะเดินเข้าไปในกลุ่มสตรี เขาส่งสายตาให้ขันทีคนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลออกไป
ขันทีผู้นั้นรุดเข้าไปอย่างเงียบๆ ทันที ได้ยินจิ้นหลิงจ่างกงจู่กำลังพูดกับฟั่นซื่อด้วยท่าทีไม่พอใจนัก “หรือว่าฟั่นฮูหยินไม่พอใจฐานะของอาหญิงข้า หรือคิดว่าคุณหนูสี่ยังเด็ก ยังไม่ถึงวัยแต่งงาน?”
หากฟั่นซื่อรับคำอย่างคล้อยตาม ทำให้อวี๋เหยาต้าจ่างกงจู่โกรธยังไม่เท่าไร แต่การยอมรับว่า ‘คุณหนูสี่ยังไม่ถึงวัยแต่งงาน’ ย่อมเปิดโอกาสให้ซย่าโหวอวี๋กีดกันคุณหนูสี่ออกจากตำแหน่งฮองเฮาได้อย่างสมเหตุสมผล เช่นนั้นการที่แม่ทัพใหญ่ทุ่มเทพาคุณหนูสี่มาปรากฏตัวต่อหน้าซย่าโหวโหย่วเต้าจะไปมีความหมายอะไรอีก
ฟั่นซื่อร้อนใจแทบทนไม่ไหว ยิ่งนางยิ่งร้อนใจก็ยิ่งคิดอะไรไม่ออก ปลายจมูกมีเหงื่อซึมออกมา
ขันทีผู้นั้นเห็นแล้วรีบเอ่ยว่า “โอรสสวรรค์ จ่างกงจู่ แม่ทัพใหญ่เชิญพ่ะย่ะค่ะ!”
ฟั่นซื่อโล่งอก ซย่าโหวอวี๋กลับไม่เหลือบแลขันทีผู้นั้นแม้แต่หางตา ในวังเต็มไปด้วยคนของหลูยวน นางกำจัดไปชุดหนึ่งก็มาอีกชุดหนึ่ง ทำเอานางหมดแรงจะคิดเล็กคิดน้อยกับหลูยวนแล้ว
นางพูดกับฟั่นซื่อต่อ “ในเมื่อฮูหยินไม่ได้ไม่พอใจในตัวญาติผู้พี่ของข้า มิสู้ให้ข้าเป็นคนจัดการ พรุ่งนี้เช้าเชิญต้าจ่างกงจู่เข้าวังและคุยเรื่องนี้กับนาง นางฟังแล้วจะต้องดีใจมากแน่ ส่วนฟั่นฮูหยินกับคุณหนูสี่ คืนนี้ค้างคืนในวังเป็นอย่างไร ต้าจ่างกงจู่จะได้พบหน้าคุณหนูสี่ด้วย”
นี่นางจะเป็นแม่สื่อให้สองตระกูลให้ได้ใช่หรือไม่! ฟั่นซื่อใบหน้าเขียวคล้ำ นางข่มโทสะเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป พูดเสียงแข็ง “การแต่งงานของบุตรชายบุตรสาวถือเป็นเรื่องใหญ่ จะทรงกระทำอย่างฉาบฉวยเช่นนี้ได้อย่างไร อีกอย่างคุณหนูสี่บ้านพวกเราก็เป็นที่ชื่นชอบของไท่ฮูหยินมาก การแต่งงานของนางย่อมต้องผ่านความเห็นชอบจากไท่ฮูหยินก่อน”
ซย่าโหวอวี๋ยิ้ม ยังคิดจะพูดจายั่วโทสะฟั่นซื่อต่อ ซย่าโหวโหย่วเต้ากลับดึงแขนเสื้อนางไว้ กระซิบว่า “พี่สาว ท่านอย่าบังคับฝืนใจผู้อื่นเช่นนี้เลย เรื่องของญาติผู้พี่พวกเราอย่ายุ่งดีกว่า…” เขาไม่ชอบญาติผู้พี่คนนี้ จึงไม่อยากให้พี่สาวสร้างความลำบากใจให้แม่นางคนหนึ่งเพื่อเขา
ซย่าโหวอวี๋ยิ้มหยันในใจ สกุลหลูร้ายกาจจะตาย! ทั้งที่คิดจะยกคุณหนูสี่ให้แต่งงานกับน้องชายนางแท้ๆ ทว่าหลังจากน้องชายนางตายไป คุณหนูสี่สกุลหลูกลับออกเรือนไปอย่างราบรื่น แต่คุณหนูเจ็ดสกุลชุยกลับถูกหลูยวนบีบบังคับจนตาย นางไม่สนหรอกว่าคุณหนูสี่สกุลหลูจะถูกทำร้ายหรือไม่ ขอเพียงสกุลหลูไม่ยัดเยียดคุณหนูสี่ผู้นี้ให้น้องชายนางก็พอ