ตอนนี้นางดึงคุณหนูสี่สกุลหลูมาพัวพันกับญาติผู้พี่บ้านท่านอาแล้ว ต่อให้สกุลหลูหน้าหนาเพียงใด ก็คงไม่ถึงขั้นจะเจรจาเรื่องการแต่งงานให้หลานสาวกับพี่และน้องอย่างต่อเนื่องกระมัง
ซย่าโหวอวี๋ยิ้มมองฟั่นซื่อ “เป็นข้าเองที่ขบคิดไม่รอบคอบ ฟั่นฮูหยินอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลย แต่ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าท่านอาน่าจะชอบคุณหนูสี่”
ฟั่นซื่อสีหน้าเปลี่ยนไป ทำท่าจะบันดาลโทสะ
ซย่าโหวอวี๋กลับยิ้มพูดกับซย่าโหวโหย่วเต้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อแม่ทัพใหญ่เชิญ เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ!” จากนั้นจึงหมุนตัวกลับไปพูดกับแม่นางน้อยทั้งหลาย
“พวกเจ้าเล่นกันอยู่ที่นี่ก่อน มีอะไรสั่งนางกำนัลกับขันทีข้างกายได้เลย!” พูดจบก็เดินออกจากศาลาไปพร้อมซย่าโหวโหย่วเต้า
คุณหนูสี่สกุลหลูมองแผ่นหลังผอมเกร็งของซย่าโหวโหย่วเต้าแล้วกัดริมฝีปาก
ฟั่นซื่อกลับพูดเสียงค่อยอย่างไม่พอใจ “มองอะไร ไปหาลุงใหญ่ของเจ้าพร้อมกับข้า!”
ซย่าโหวอวี๋ก่อกวนเช่นนี้ การแต่งงานของคุณหนูสี่กับซย่าโหวโหย่วเต้าแปดเก้าส่วนคงต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง นางอึดอัดใจยิ่งนัก เห็นหลูยวนแล้วสีหน้าก็เต็มไปด้วยความคับแค้น
แม้หลูยวนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นสีหน้าท่าทางของฟั่นซื่อแล้วก็พอคาดเดาได้แปดเก้าส่วน ทว่าเขายังคงเอ่ยว่า “หลานสาวกระหม่อมผู้นี้ถูกเลี้ยงดูข้างกายมารดามาตั้งแต่เล็ก การเรียนธรรมดา แต่กลับคัดอักษรได้งดงาม หากจ่างกงจู่มีเวลาว่างวันใด มิสู้เรียกนางเข้าวังมาเพื่อคัดอักษรเป็นเพื่อนท่านเถิด”
ไท่ฮูหยินสกุลหลูเป็นคนแซ่เถา เป็นญาติผู้น้องของเซียนอักษรเถาหรานจือ คัดอักษรเสี่ยวข่ายได้งดงามอ่อนช้อย ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วหล้า
ในเมื่อคุณหนูสี่สกุลหลูเติบโตมาโดยมีหลูไท่ฮูหยินเป็นผู้ดูแล นางย่อมคัดอักษรได้งดงาม ทว่าชาติก่อนกลับไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึง เห็นได้ชัดว่าต่อให้งดงามก็ยังงดงามอย่างมีขีดจำกัดอยู่ดี
ซย่าโหวโหย่วเต้าเหลือบมองคุณหนูสี่สกุลหลูอีกหลายครั้ง สมัยเป็นเด็กเพื่อเอาใจบิดาเขาเคยมุมานะฝึกคัดอักษร บางทีอาจเพราะไม่มีพรสวรรค์ ตัวอักษรของเขาจึงธรรมดา ดังนั้นเขาจึงยกย่องคนที่ลายมือสวยเป็นพิเศษ
หลูยวนช่างรู้จักหาช่องจริงๆ!
“เช่นนี้ดีเลย!” ซย่าโหวอวี๋ยิ้มพูด “สองสามวันก่อนอวี๋เหยาต้าจ่างกงจู่ยังบ่นกับข้าว่าอยากทำหนังสือแบบคัดอักษรสักเล่มหนึ่ง ต้องการหาแม่นางที่คัดอักษรเก่งมาช่วยสักสองสามคน คุณหนูสี่เพิ่งมาเมืองเจี้ยนคัง คิดว่าคงยังไม่คุ้นเคยกับผู้คนในเมืองเจี้ยนคังนัก จะได้ถือโอกาสนี้รู้จักและทำความคุ้นเคยกับแม่นางทั้งหลายพวกนั้น”
ไฉนจึงพูดถึงอวี๋เหยาต้าจ่างกงจู่อีกแล้ว! ฟั่นซื่อหน้าดำทะมึนเป็นก้นหม้อ
หลูยวนเห็นแล้วอดสงสัยไม่ได้ แต่ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่สามีภรรยาจะมากระซิบกระซาบกัน ทางหนึ่งหัวสมองทำงานอย่างรวดเร็ว อีกทางหนึ่งก็พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ต้าจ่างกงจู่กับฮ่องเต้พระองค์ก่อนล้วนศึกษาเล่าเรียนกับเซียนอักษรเถาเซียนเซิง ชื่นชอบการคัดอักษร ต้าจ่างกงจู่ทรงอยากทำหนังสือแบบคัดอักษรหรือ กระหม่อมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ไม่ทราบว่าต้าจ่างกงจู่ประสงค์จะทำหนังสือออกมาในลักษณะใด”
ฟั่นซื่อพาคุณหนูสี่ไปพบซย่าโหวอวี๋ เดิมอยากถือโอกาสนี้ทำให้ซย่าโหวอวี๋รู้ว่าคุณหนูสี่เป็นฮองเฮาที่พวกเขาเลือกไว้ให้โอรสสวรรค์ แต่ฟั่นซื่อพบซย่าโหวอวี๋แล้วกลับไม่มีความดีใจแม้แต่ครึ่งส่วน เห็นได้ชัดว่าการเข้าเฝ้าครั้งนี้ไม่ราบรื่น
อวี๋เหยาต้าจ่างกงจู่กับเหวินเซวียนฮองเฮามีความสัมพันธ์ที่แย่มาก ทำให้อวี๋เหยาต้าจ่างกงจู่พลอยไม่ชอบซย่าโหวอวี๋พี่น้องไปด้วย แม้แต่งานเลี้ยงเทศกาลซั่งซื่อเช่นนี้ก็ยังไม่ได้เชิญอวี๋เหยาต้าจ่างกงจู่เข้าวังมา บัดนี้จู่ๆ ซย่าโหวอวี๋กลับเอ่ยถึงคนผู้นี้
คนผู้นี้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้
ความคิดหนึ่งวาบขึ้นในหัวของหลูยวน สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นดำทะมึนเช่นเดียวกับฟั่นซื่อทันที
อวี๋เหยาต้าจ่างกงจู่มีบุตรชายเสเพลไม่เอาไหนผู้หนึ่ง กำลังเจรจาทาบทามหาคู่ครองให้เขาไปทั่ว! หรือว่า…ซย่าโหวอวี๋ดึงคุณหนูสี่กับเจ้าคนเสเพลบ้านอวี๋เหยาต้าจ่างกงจู่มาเกี่ยวข้องกัน
เขาชำเลืองมองฟั่นซื่อแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเหลือบมองคุณหนูสี่สกุลหลู
ฟั่นซื่อพยักหน้า ความรู้ใจระหว่างสามีภรรยาที่ครองรักกันมาหลายปีทำให้หลูยวนแน่ใจในความคิดของตนเอง