ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน อริร้ายหวนรัก บทที่ 3
ท้องฟ้านอกตำหนักบรรทมกระจ่างใสเหมือนผ่านการชะล้าง แสงแดดในฤดูใบไม้ผลิเจิดจ้า แต่ในตำหนักบรรทมม่านเตียงกลับซ้อนกันหลายชั้น แสงมืดสลัว
ซย่าโหวอวี๋กับตู้ฮุ่ยกุมมือกันแน่น นั่งอยู่ข้างเตียงของซย่าโหวโหย่วเต้า เถียนเฉวียนเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ เอ่ยเสียงค่อย “จ่างกงจู่ ยามอู่แล้ว ท่านเสวยอะไรสักหน่อยดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
ซย่าโหวอวี๋ส่ายหน้าอย่างเฉยชา “ข้าไม่หิว! รอไว้ข้าอยากกินเมื่อไรจะสั่งให้ตั้งสำรับเอง!” พูดถึงตรงนี้ นางก็นึกถึงหงฟู่กับเซี่ยตันหยางที่รออยู่นอกตำหนักบรรทม “หงเซียนเซิงกับใต้เท้าทั้งหลายกินอะไรหรือยัง เจ้าปรนนิบัติหงเซียนเซิงกับใต้เท้าทั้งหลายกินอาหารก่อนเถอะ!” ข้ารับใช้ที่ปรนนิบัติข้างกายซย่าโหวโหย่วเต้ายังคงคุกเข่าอยู่ในลานเรือนทั้งหมดโดยไม่กล้าขยับเขยื้อน
เถียนเฉวียนพูดเสียงค่อย “กระหม่อมจัดสำรับให้หงเซียนเซิงกับใต้เท้าทั้งหลายแล้ว จ่างกงจู่ไม่ต้องทรงเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ”
ซย่าโหวอวี๋พยักหน้าอย่างแข็งทื่อ เถียนเฉวียนเช็ดน้ำตาและถอยออกไป
ในตำหนักข้าง หลูยวนหลุบตานั่งคุกเข่าดื่มน้ำชาอยู่ข้างเสากลม หงฟู่กับเซี่ยตันหยางกลับยืนคุยกันเบาๆ ที่หน้าประตูตำหนัก เนื่องจากอยู่ห่างค่อนข้างไกล หลูยวนจึงได้ยินแค่บางคำเป็นต้นว่า ‘หยินหยางสอดประสาน’ ‘ชาดจอแส หรดาลแดงเป็นหยาง’ ‘ริมทะเลสาบ*’ ‘เป็นหยิน’ เขารู้ว่าเซี่ยตันหยางกำลังขอคำชี้แนะเรื่องการปรุงโอสถจากหงฟู่
หลูยวนรู้สึกว้าวุ่นใจ ตั้งแต่ซย่าโหวอวี๋ปฏิเสธการเข้าวังของคุณหนูสี่ ทางเขาก็ไม่ราบรื่นเท่าที่ควร เริ่มจากลูกชายคนเล็กออกหัด จากนั้นหลูไท่ฮูหยินล้มป่วย ฟั่นซื่ออยู่บ้านปรนนิบัติดูแล ยังไม่ทันได้เข้าวังพูดเรื่องคุณหนูสี่กับซย่าโหวอวี๋อีกครั้ง โอรสสวรรค์ก็สลบไสลไม่ได้สติไปเสียก่อน…
ไม่รู้ว่าเจ้าโง่คนใดชักชวนให้โอรสสวรรค์เสพหานสือซั่น รอให้เรื่องราวยุติลงแล้ว เขาต้องลากตัวคนผู้นี้ออกมาถลกหนังให้ได้!
เดิมทีทายาทของราชวงศ์ก็มีอยู่น้อยนิด ทายาทของอู่จงฮ่องเต้ที่มีชีวิตรอดนั้น นอกจากบุตรสาวคนโตซย่าโหวอวี๋และบุตรชายคนโตซย่าโหวโหย่วเต้าแล้ว ก็คือองค์ชายสามตงไห่อ๋องซย่าโหวโหย่วอี้ที่ถือกำเนิดจากซู่เฟย และองค์ชายเจ็ดหลางหยาอ๋องซย่าโหวโหย่วฝูที่ถือกำเนิดจากเฝิงเฟย ซย่าโหวโหย่วอี้ปีนี้อายุสิบสาม รู้ความแล้ว ซย่าโหวโหย่วฝูเพิ่งจะห้าขวบเท่านั้น แต่ซู่เฟยเสียชีวิตไปแล้ว ขณะที่เฝิงเฟยก็เป็นเจ้านายที่ไม่สำรวม
หากซย่าโหวโหย่วเต้าเป็นอะไรไป…จะแต่งตั้งใครดีเล่า
หลูยวนวางจอกชา รู้สึกว่าเรื่องนี้เขายังต้องใคร่ครวญให้ดี
อีกทางหนึ่ง เซี่ยตันหยางคอยสังเกตท่าทีของหลูยวนตลอดเวลา เห็นเขาจมสู่ภวังค์ความคิด ก็รีบส่งสายตาให้หงฟู่และเดินออกไปนอกตำหนักหลายก้าว ก่อนจะหยุดยืนใต้ชายคาตำหนัก หงฟู่เข้าใจและตามไป
สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดใบไม้เสียงดังซ่าๆ เซี่ยตันหยางเด็ดใบไม้ใบหนึ่งมาถือเล่นในมือ กระซิบถามหงฟู่ “หากโอรสสวรรค์ฟื้นขึ้นมา จะทรงเป็นอะไรมากหรือไม่” เขาเป็นคนที่เสพหานสือซั่นอยู่บ่อยครั้ง มองปราดเดียวก็รู้ว่าอาการของซย่าโหวโหย่วเต้าไม่ได้เป็นเพราะเสพหานสือซั่นเท่านั้น แต่เป็นไปได้มากว่าหานสือซั่นเกิดปัญหา ถึงได้ทำให้คนสลบไสลไม่ฟื้น
คนแรกที่เซี่ยตันหยางคิดถึงคือหลูยวน แต่เขาตัดหลูยวนออกไปอย่างรวดเร็ว ฮ่องเต้พระองค์ก่อนยังเหลือโอรสอีกสององค์ แต่องค์ชายทั้งสองล้วนไม่สนิทสนมกับหลูยวน หลายปีมานี้หลูยวนอ้างชื่อโอรสสวรรค์บงการขุนนาง ทุกอย่างล้วนสมดังใจหมาย หากเกิดอะไรขึ้นกับโอรสสวรรค์และต้องแต่งตั้งฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นมา ยังไม่แน่ว่าเขาจะราบรื่นเช่นวันนี้ คนที่ไม่อยากให้โอรสสวรรค์เกิดเรื่องมากที่สุดย่อมจะเป็นหลูยวน
แต่นอกจากหลูยวนแล้ว เขาก็คิดไม่ออกว่ายังจะมีผู้ใดปองร้ายโอรสสวรรค์อีก โอรสสวรรค์เกิดเรื่องเช่นนี้ เป็นไปได้มากว่าอาจเป็นความผิดพลาดของคนข้างกายที่ปรุงหานสือซั่น
หงฟู่ยิ้มขื่น กดเสียงพูดเบา “เกรงว่าการมีทายาทในวันข้างหน้าจะลำบากมาก”
นี่แหละปัญหา! เซี่ยตันหยางพูดไม่ออก
หากซย่าโหวโหย่วเต้าไม่มีทายาท ย่อมต้องแต่งตั้งรัชทายาทโดยเลือกจากซย่าโหวโหย่วอี้หรือซย่าโหวโหย่วฝูหรือทายาทของพวกเขาสองคน แต่สองคนนี้คนหนึ่งก็ถูกองค์ชายรองปองร้าย ถูกส่งไปอยู่ที่ดินบรรดาศักดิ์นานแล้ว อีกคนอายุยังน้อยจะมีชีวิตอยู่จนเติบโตเป็นผู้ใหญ่หรือไม่ยังพูดยาก
ราชสำนักนี้วุ่นวายมากพอแล้ว ยังจะต้องวุ่นวายมากกว่านี้อีกหรือ เซี่ยตันหยางมองท้องฟ้าสีน้ำเงินกระจ่างอย่างเหม่อลอย
หงฟู่กลับหวังว่าเซี่ยตันหยางจะออกหน้าบ้าง แม้มิอาจควบคุมสถานการณ์ได้ อย่างน้อยก็ต้องคานอำนาจกับหลูยวน มิอาจปล่อยให้หลูยวนปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือเดียว เช่นนี้ต่อไป เขาพูด “เจ้าจะเปลี่ยนที่นั่งหน่อยหรือไม่”
เซี่ยตันหยางยิ้มอย่างจนปัญญา เขาเข้าใจความหมายของหงฟู่ดี แต่สกุลหลูเป็นขุนนางมาหลายสมัย ลูกศิษย์และพรรคพวกกระจายอยู่ทั่วราชสำนัก เวลาผู้อื่นพูดถึงเขา เอ่ยชมว่าเขาสูงส่งบริสุทธิ์ แต่อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาเคยท้าทายอำนาจบารมีของหลูยวนและเจออุปสรรคจนต้องถอยมาแล้ว จึงได้แต่แสร้งทำตัวไม่อินังขังขอบ นั่งตำแหน่งเจ้าเมืองตันหยางและทำตัวอิสระตามใจ
โอรสสวรรค์อ่อนแอมานาน ต่อให้สกุลเซี่ยมีความสามารถเพียงใด หากไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้รับการสนับสนุนจากโอรสสวรรค์ ย่อมไม่อาจเอาชนะหลูยวนได้
เซี่ยตันหยางไม่เอ่ยอะไรอยู่นาน เสียงตะโกนด้วยความตกใจระคนยินดีก็ดังมาจากในตำหนัก “โอรสสวรรค์ทรงฟื้นแล้ว โอรสสวรรค์ทรงฟื้นแล้ว!”
เซี่ยตันหยางไม่สนใจการวางตัวและมารยาทอื่นใดอีก เขาทิ้งหงฟู่เอาไว้และก้าวเร็วๆ เข้าไปในตำหนักบรรทม