หลูไหวได้ยินแล้วก็ทำหน้าเหยียดปากอยู่ข้างหลังพี่ชาย แต่พอหลูยวนหันกลับมา ใบหน้าเขาก็ไม่มีความผิดปกติใดๆ ทั้งสิ้น
พอสองพี่น้องนั่งลงอีกครั้ง หลูไหวจึงพูดว่า “พี่ชาย ท่านตั้งใจจะสั่งสอนจิ้นหลิงเช่นไร ถึงอย่างไรตอนนี้นางก็เป็นภรรยาของเซียวหวน ไม่เห็นแก่หน้าภิกษุก็ต้องเห็นแก่หน้าพระพุทธองค์ เรื่องบางอย่างมิอาจทำเกินไปได้! คงมิอาจให้เซียวหวนหย่านางกระมัง ข้าว่าเซียวหวนเองก็คงไม่ยอมหย่านางหรอก!”
หลูยวนไม่พูดอะไร
เซียวเหยียนบิดาของเซียวหวนแม้ชื่อเสียงจะไม่โด่งดัง แต่กลับเปี่ยมด้วยอุบายและประสบการณ์ ทั้งยังเก่งกาจมากความสามารถ หลังจากเขาเป็นประมุขตระกูล ไม่เพียงรักษาตำแหน่งถิงโหว เอาไว้ได้ ยังทำให้สกุลเซียวรอดพ้นสถานการณ์ที่ลำบากได้อย่างรวดเร็ว กลายเป็นหนึ่งในตระกูลสูงศักดิ์และร่ำรวยในอู๋จงอีกครั้ง อีกทั้งเขายังมีสายตาที่ยาวไกล ส่งเซียวหวนที่ตอนนั้นอายุเพียงสิบสามปีไปเป็นลูกศิษย์ของอิ้นหลินศิษย์พี่ร่วมสำนักที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลเซียงหยาง ให้เซียวหวนติดตามอิ้นหลินยกทัพขึ้นเหนือปราบปรามแคว้นสู่
แม้สุดท้ายอิ้นหลินจะพ่ายแพ้ กำลังทหารที่นำไปสูญเสียไปหกเจ็ดส่วน ทำให้สกุลอิ้นสูญเสียตำแหน่งขุนนางและความโปรดปรานจากฮ่องเต้ไป ตัวอิ้นหลินเองก็ชื่อเสียงป่นปี้ แต่เหตุการณ์นี้กลับทำให้เซียวหวนชื่อเสียงขจรขจาย ได้ชื่อว่า ‘รบแพ้นับครั้งไม่ถ้วน หากยังยืนหยัดรบอย่างไม่ระย่อ มีความซื่อสัตย์จงรักภักดี ปณิธานแน่วแน่ไม่สั่นคลอน’
หลูยวนอดรู้สึกเสียใจภายหลังไม่ได้ ในอดีตก่อนที่อิ้นหลินจะป่วยตายเคยฝากฝังเซียวหวนให้เขาดูแล แต่เขาไม่ชอบสกุลสูงศักดิ์ในอู๋จง จึงไม่ยินดีรับตัวเซียวหวนมา ปฏิเสธอีกฝ่ายอย่างอ้อมค้อม
การแต่งงานระหว่างเซียวหวนกับซย่าโหวอวี๋ได้น้าชายของซย่าโหวอวี๋ที่เป็นผู้ว่าการมณฑลจิงโจวเป็นพ่อสื่อ ไม่ว่าผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่าเจิ้งเฟินจะทิ้งอคติเรื่องชาติกำเนิด หาชาวอู๋จงมาเป็นคู่ครองของซย่าโหวอวี๋ อีกทั้งซย่าโหวอวี๋ยังตอบตกลง กล่าวได้ว่าเขาเลี้ยงพยัคฆ์จนกลายเป็นภัย!
หากเขายอมรับเซียวหวนตั้งแต่แรก…ความคิดนี้วาบขึ้นในหัวของหลูยวน ก่อนจะถูกกดลงไป
หลูยวนถามหลูไหว “เซียวหวนไปสวีโจวแล้วทำอะไรบ้าง” ที่เขาให้เซียวหวนไปเป็นผู้บัญชาการกองทัพในสวีโจวและอวี้โจวก็เพื่อให้หลูไหวคอยจับตาดูคนผู้นี้ไว้
หลูไหวยิ้มตอบอย่างดูแคลน “ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น! วันทั้งวันมีแต่กินกับดื่ม ท่องกลอนวาดภาพ ขี่ม้ายิงธนู” พูดถึงตรงนี้ เขาก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันใด “ว่ากันว่าฝีมือการยิงธนูของเซียวหวนดีมาก ไม่เพียงสามารถน้าวธนูรูปจันทร์เสี้ยวหนักสองตั้นได้ ยังสามารถยิงธนูทะลุใบหลิวได้ในระยะเกินร้อยก้าว ไม่รู้เจิ้งเฟินไปเสาะหาคนผู้นี้มาจากที่ใด”
หลูยวนเผยสีหน้าไม่พอใจ เซียวหวนผู้นั้นยอมแต่งกงจู่เป็นภรรยา คิดว่าคงประเมินผลได้ผลเสียมาแล้ว ในใจเขาย่อมมีความทะเยอทะยานอยู่ แต่ต่อให้เซียวหวนร้ายกาจเพียงใดก็เป็นเพียงลูกวัวแรกเกิดตัวหนึ่ง คิดจะยืนอยู่ในราชสำนักอย่างมั่นคงและสร้างผลงานให้ได้จริงๆ มิอาจอาศัยเพียงการแต่งจ่างกงจู่เป็นภรรยา นำทัพเป็น แต่งกลอนและวาดภาพเท่านั้น สิ่งที่เขาต้องเรียนรู้ยังมีอีกมาก หนทางที่ต้องเดินยังอีกยาวไกล!
ในตอนนี้เรื่องที่เร่งด่วนคือทำอย่างไรคุณหนูสี่จึงจะได้แต่งงานกับซย่าโหวโหย่วเต้า
หลูยวนโยนเซียวหวนที่ตอนนี้ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาออกไปจากสมอง หันไปพูดกับหลูไหว “อยากสั่งสอนจิ้นหลิงไม่ใช่เรื่องยาก หนึ่งคือลดตำแหน่งฐานะของนาง สองคือพิธีเซ่นไหว้ในเดือนสามวันที่ยี่สิบ ทำให้เกิดเหตุจำเป็นจนมิอาจจัดงานขึ้นได้”
หลูไหวดวงตาเป็นประกาย การเซ่นไหว้เหวินเซวียนฮองเฮา แต่ไรมาล้วนเป็นเรื่องที่ซย่าโหวอวี๋กับซย่าโหวโหย่วเต้าใส่ใจไม่ลืม ซย่าโหวโหย่วเต้าถึงขั้นอยากอวยยศให้มารดาบังเกิดเกล้าของตนอีกครั้งเสียด้วยซ้ำ
“หากเป็นเช่นนี้ โอรสสวรรค์จะต้องร้อนใจแน่กระมัง! เพียงแต่ถึงยามนั้นไม่รู้โอรสสวรรค์จะตำหนิจิ้นหลิงหรือไม่” หลูไหวหรี่ตายิ้มพูด “น่าเสียดายที่ไม่อาจเห็นสีหน้าของจิ้นหลิงกับโอรสสวรรค์ตอนทราบข่าวนี้!” เขาจุปาก ไม่คิดปิดบังท่าทางมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นแม้แต่น้อย
หลูยวนเหลือบมองหลูไหวด้วยสายตาตักเตือน “ทว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาแตกหักกับจิ้นหลิง พรุ่งนี้ข้าจะให้พี่สะใภ้เจ้าเข้าวังอีกครั้ง หากจิ้นหลิงยังไม่เปลี่ยนความตั้งใจเดิมค่อยจัดการนางก็ยังไม่สาย”
หลูไหวหัวเราะหึๆ “ที่แท้เมื่อครู่ตอนอยู่ในอุทยานหวาหลิน พี่ชายก็แค่ขู่จิ้นหลิงเท่านั้น”
หลูยวนเลิกคิ้วโดยไม่เอ่ยอะไร แน่นอนว่าเขาไม่มีทางล้มเลิกความตั้งใจของตนเองเพียงเพราะซย่าโหวอวี๋ชักสีหน้าใส่เขาแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมให้ซย่าโหวอวี๋คิดว่าตนเองสามารถทำตามอำเภอใจได้โดยไม่ฟังคำสั่งเขาเช่นกัน
หลูไหวกลอกตาไปมา ขยับเข้าไปหาอย่างหน้าไม่อาย พลางยิ้มเอ่ยว่า “เช่นนั้นหงหนงกงจู่…”
“เรื่องนี้เจ้าอย่าได้คิดอีกเลย!” หลูยวนขัดคำพูดหลูไหวเสียงเฉียบ “การแต่งงานของคุณหนูสี่ยังไม่แน่นอน การแต่งงานของหงหนงกงจู่ยังไม่พูดถึงชั่วคราว”
ไม่พูดถึงชั่วคราว ไม่ได้แปลว่าจะไม่พูดถึงตลอดไปนี่! หลูไหวได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วก็ยิ้มเบิกบานกว่าเดิม