ซย่าโหวอวี๋ไม่สนใจความกังวลของตู้ฮุ่ยและคนอื่นๆ ในวันครบรอบเจ็ดวันของซย่าโหวโหย่วเต้า นางเพียงสวมชุดสีขาวไปตำหนักทิงเจิ้งโดยไม่แต้มแต่งใบหน้า
ตามความประสงค์ของซย่าโหวอวี๋ หลูยวนเชิญภิกษุชั้นสูงจากวัดวั่นเฉิงเข้าวัง ทำพิธีปลดปล่อยดวงวิญญาณให้ซย่าโหวโหย่วเต้าเป็นเวลาเจ็ดสัปดาห์สี่สิบเก้าวัน ทุกครั้งที่ครบรอบเจ็ดวันพิธีจะยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ ควันธูปม้วนตัวเป็นเกลียว เสียงสวดมนต์ก้องสะท้อน บรรยากาศเคร่งขรึมศักดิ์สิทธิ์
ทว่าคนที่อยู่ในพิธีเหล่านี้จะมีสักกี่คนที่เศร้าเสียใจกับการป่วยตายของน้องชายนางอย่างแท้จริง ซย่าโหวอวี๋มองผ่านคนเหล่านี้ไป นางเดินตรงไปยังลานประกอบพิธีด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จุดธูปเคารพศพซย่าโหวโหย่วเต้าสามดอกเหมือนเช่นทุกครั้ง
ตราบใดที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ขึ้นครองราชย์ หลูยวนก็จะยังไม่กล้าออกจากวัง หลายวันติดต่อกันแล้วที่เขาไม่ได้นอนหลับพักผ่อนให้ดี หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เห็นซย่าโหวอวี๋เดินเข้ามา เขาจึงก้าวเข้าไปทักทายนางด้วยท่าทีสุภาพกว่าปกติ “จ่างกงจู่!”
นี่เป็นเพราะกำลังจะสมปรารถนาแล้วกระนั้นหรือ ซย่าโหวอวี๋หัวเราะหยันในใจ นางพยักหน้าให้หลูยวนอย่างเย็นชา แล้วถอยไปด้านข้าง เตรียมตัวคัดคัมภีร์ให้ซย่าโหวโหย่วเต้าต่อ
หลูยวนทำท่าจะพูดอะไรก็เงียบไป จากนั้นจึงอดพรูลมหายใจไม่ได้
ตั้งแต่ซย่าโหวโหย่วเต้าป่วยตายไป ซย่าโหวอวี๋ก็ดูแปลกไป ขอเพียงนางยังคงรักษาคำสัญญาที่จะไม่ยุ่งเรื่องการแต่งตั้งฮ่องเต้ได้เป็นพอ ส่วนเรื่องอื่นๆ รอให้ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ก่อนค่อยว่ากัน
หลูยวนเดินออกจากตำหนักกลาง เซี่ยตันหยางเห็นแล้วก็ลอบขมวดคิ้ว เขาส่งคนไปเฝ้าหน้าประตูเมือง แต่จนป่านนี้แล้วกลับยังไม่เห็นวี่แววของเซียวหวน
เจิ้งเฟินน้าชายของซย่าโหวอวี๋ทราบข่าวแล้วและกำลังรุดมาเมืองหลวง แต่อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งเดือนจึงจะมาถึง กว่าจะถึงตอนนั้นก็สายเกินไปแล้ว…ตกลงแล้วจะไว้ใจซย่าโหวอวี๋ได้หรือไม่นะ เซี่ยตันหยางเกาศีรษะ
สองชั่วยามให้หลัง ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ล้วนมากันพร้อมหน้า ซย่าโหวอวี๋ถูกเชิญออกไป เหล่าขุนนางที่นำโดยหลูยวนคารวะเซ่นไหว้ซย่าโหวโหย่วเต้า จากนั้นหลูยวนก็เชิญเหล่าขุนนางไปพูดคุยที่ตำหนักข้าง
“โอรสสวรรค์สวรรคตไปเจ็ดวันแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่กลับยังไม่ได้แต่งตั้ง บ้านเมืองจะขาดผู้นำไปไม่ได้แม้แต่วันเดียว พวกเราจะต้องตัดสินใจเรื่องฮ่องเต้องค์ใหม่โดยเร็วที่สุด” เขายืนอยู่ข้างบัลลังก์มังกร มองขุนนางใหญ่เต็มตำหนักจากตำแหน่งที่สูงกว่า แววตาทอประกายหม่นหมอง
เซี่ยตันหยางไม่เห็นด้วยที่จะประกาศตัวเลือกฮ่องเต้องค์ใหม่หลังจากที่เพิ่งบรรจุศพโอรสสวรรค์ใส่โลง เขาจึงทำตามความตั้งใจของเซี่ยตันหยางด้วยการเลื่อนเวลาออกไปอีกสี่วัน แต่สี่วันมานี้เขาก็ไม่ได้อยู่เฉย พูดคุยกับเหล่าขุนนางที่มาเซ่นไหว้ตลอดเพื่อให้แน่ใจจุดยืนของคนเหล่านี้ เขามั่นใจมากว่าข้อเสนอในวันนี้ของเขาจะต้องได้รับการยอมรับจากทุกคนและผ่านการยอมรับจากเหล่าขุนนางได้อย่างราบรื่น
เป็นเช่นที่หลูยวนคาดการณ์ไว้ เขาเพิ่งจะพูดจบก็มีคนเห็นด้วยทันที หลูยวนยิ้มน้อยๆ
มีคนหันไปมองเซี่ยตันหยาง เซี่ยตันหยางเพียงหลุบตา ดูไม่ออกว่ายินดีหรือกำลังเป็นกังวล ไม่มีการสนับสนุนจากเซียวหวน เขากับซย่าโหวอวี๋ก็ไม่มีทางทำสำเร็จได้แน่
เขาได้ทำตามข้อเรียกร้องของซย่าโหวอวี๋ ด้วยการเลื่อนการตัดสินใจเรื่องแต่งตั้งฮ่องเต้องค์ใหม่ออกไปสี่วันแล้ว ต่อจากนี้คงต้องดูฝีมือของซย่าโหวอวี๋แล้วกระมัง เขาไม่มีทางเสนอตัวออกไปงัดข้อกับหลูยวนภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แน่
พวกคนที่หันมามองเซี่ยตันหยางต่างก็มีสีหน้าผิดหวัง
หลูยวนกระหยิ่มใจในความสำเร็จ เขายิ้มพูด “หากทุกท่านไม่มีอะไรอื่นจะพูดแล้ว เช่นนั้นก็เชิญสำนักราชเลขาประกาศรายชื่อฮ่องเต้องค์ใหม่ที่จะเข้ารับการคัดเลือกได้เลย”
การสืบตำแหน่งฮ่องเต้มีกฎเกณฑ์อยู่ บิดาตายบุตรเป็นผู้สืบบัลลังก์ พี่ชายสิ้นน้องชายเป็นผู้สืบทอด สองข้อนี้เป็นหลักการพื้นฐาน ตอนนี้ผู้ที่มีคุณสมบัติสืบทอดตำแหน่งฮ่องเต้มากที่สุดก็คือตงไห่อ๋องซย่าโหวโหย่วอี้และหลางหยาอ๋องซย่าโหวโหย่วฝู
เหล่าขุนนางวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา มีทั้งคนสนับสนุนซย่าโหวโหย่วอี้ และมีทั้งคนที่สนับสนุนซย่าโหวโหย่วฝู ขุนนางใหญ่สองคนที่ถูกหลูยวนกำชับมาสบตากัน หนึ่งในนั้นก้าวออกมาพูดเสียงดัง “ข้าขอคัดค้านการแต่งตั้งตงไห่อ๋องกับหลางหยาอ๋อง”
ผู้ฟังต่างตะลึงงัน มองขุนนางใหญ่ผู้นั้นอย่างตกตะลึง ภายในตำหนักกลางเกิดความเงียบงันไปชั่วขณะ