แม้หลูยวนจะตั้งใจเช่นนี้ แต่เวลานี้ในราชสำนักยังมีเซี่ยตันหยาง เจิ้งเฟินและคนอื่นๆ อยู่ หากเขาคิดจะชี้กวางเป็นม้ายังต้องใช้เวลาอีกสักพัก เขาย่อมไม่อาจยอมรับคำกล่าวหาเช่นนี้ของซย่าโหวอวี๋ได้ แต่ก็มิอาจโต้เถียงกับซย่าโหวอวี๋ต่อไปได้เช่นกัน…ถึงอย่างไรพวกเขาบุรุษกับสตรีล้วนมีข้อแตกต่าง ต่อให้เขาชนะก็ไม่ใช่เรื่องที่มีหน้ามีตาอะไร ยังไม่ต้องพูดถึงว่าวาจาของซย่าโหวอวี๋นั้นร้ายกาจจนขึ้นชื่อ หาไม่แล้วอู่จงฮ่องเต้คงไม่มีทางออกราชโองการให้ชายารักตายตามตนไปด้วยเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของนางเป็นแน่
เขาได้แต่พูดว่า “จ่างกงจู่ควรจะสวดมนต์ขอพรให้โอรสสวรรค์ถึงจะถูก โอรสสวรรค์ยังไม่ทรงถูกฝังเลย!” เพื่อเตือนซย่าโหวอวี๋เรื่องที่นางเคยรับปากเขาว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องการแต่งตั้งฮ่องเต้
ถึงอย่างไรก็แตกหักกันไปแล้ว ซย่าโหวอวี๋จึงไม่คิดปกปิดอีก นางพูดตรงๆ ไปเสียเลย “สตรีคนใดอยากเสนอหน้าออกมาบ้างเล่า ข้าก็แค่ถูกบีบจนไม่เหลือทางรอดแล้วเท่านั้น แม่ทัพใหญ่จะตัดสายเลือดข้าแล้ว ข้ายังจะนั่งอยู่ในตำหนักหลังอย่างสงบเพื่อคัดคัมภีร์ให้น้องชายได้อยู่อีกหรือ”
ตำหนักข้างเงียบกริบไร้เสียงในทันใด หลูยวนมีใบหน้าขาวซีด
ซย่าโหวอวี๋ไม่สนใจเขาหรอก! ชีวิตที่ต้องอยู่ตามลำพังสิบปีเพิ่มประสบการณ์ให้นาง ทั้งยังฝึกฝนความกล้าของนางด้วย การได้ย้อนกลับมามีชีวิตในอดีตอีกครั้งแต่กลับมิอาจพลิกสถานการณ์ช่วยชีวิตน้องชายเอาไว้ได้ ยิ่งทำให้นางตัดสินใจเดินหน้าอย่างไม่กลัวเกรงสิ่งใดอีก
นางพูดเสียงดังขึ้น “ทุกท่านในที่นี้มีผู้ใดเคยพบซีไห่อ๋องบ้างเล่า มีใครรู้บ้างว่าซีไห่อ๋องมีนักปราชญ์ท่านใดเป็นอาจารย์ ปกติอ่านตำราอะไร มีความชื่นชอบอะไรบ้าง”
ที่ดินบรรดาศักดิ์ของซีไห่อ๋องอยู่ที่เมืองจิ้นอันในเฟิงโจวซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปนับพันหลี่ องค์ชายที่ได้รับแต่งตั้งเป็นซีไห่อ๋องโดยมากล้วนไม่เป็นที่โปรดปรานอยู่แล้ว อยู่ดีๆ จะมีผู้ใดไปคบหาสมาคมกับซีไห่อ๋องเล่า
ซย่าโหวอวี๋กวาดตามองทุกคน ทุกคนล้วนกลั้นลมหายใจอย่างระมัดระวัง ไม่มีใครกล้าปริปากเลยสักคน
หลูยวนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้ว่าหลายปีมานี้ซย่าโหวอวี๋อาศัยบารมีของอู่จงฮ่องเต้และซย่าโหวโหย่วเต้าทำให้หลายคนนึกหวาดกลัว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าความหวาดกลัวนี้จะฝังลึกถึงเพียงนี้ หลังจากซย่าโหวโหย่วเต้าตายไปแล้วนางก็ยังสามารถสร้างความหวั่นเกรงให้ผู้คนได้ สตรีผู้นี้จะเก็บเอาไว้ไม่ได้อีก!
หลูยวนหรี่ตา ดวงตาสาดประกายเยียบเย็นดุจใบมีด เขาเอ่ยเนิบช้า “จ่างกงจู่กล่าวเช่นนี้ไม่ถูกต้อง! กระหม่อมเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้ล้วนไม่ได้คบหากับซีไห่อ๋องเป็นการส่วนตัว เพราะเหตุนี้เอง กระหม่อมจึงรู้สึกว่าสมควรแต่งตั้งซีไห่อ๋อง อู่จงฮ่องเต้มีธิดาสองคนโอรสสิบสองคน คนที่มีชีวิตรอดมีเพียงจ่างกงจู่ ตงไห่อ๋อง หลางหยาอ๋อง ในจำนวนนี้ตงไห่อ๋องกับหลางหยาอ๋องล้วนยังไม่ถึงวัยอู่เสา แต่พี่น้องหกคนของซีไห่อ๋องกลับมีชีวิตรอดทั้งหมด โอรสสวรรค์เป็นรากฐานของบ้านเมือง หากเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ย่อมทำให้ภายในเกิดความไม่สงบ เรื่องที่กระหม่อมอยากแต่งตั้งซีไห่อ๋องนี้ไม่เกี่ยวกับความต้องการส่วนตัวเลย แต่เป็นเพราะคิดถึงบ้านเมืองและแผ่นดิน จ่างกงจู่ควรตัดผลได้ผลเสียของตนเองออก หาไม่แล้วที่อดีตฮ่องเต้ทรงอนุญาตให้ท่านไปร้องไห้ระบายทุกข์ที่ศาลบรรพบุรุษของราชวงศ์ได้นั้นจะมีประโยชน์อันใดเล่า”
ซย่าโหวอวี๋หัวเราะหยัน “คนที่แม้แต่กฎเกณฑ์ในครอบครัวและจริยธรรมยังไม่สนใจ มีสิทธิ์อะไรมาพูดเรื่องบ้านเมืองและแผ่นดินกับข้า เจ้าทำให้สายเลือดตระกูลข้ามัวหมอง เหตุใดข้าจะไปร้องไห้ระบายทุกข์ที่ศาลบรรพบุรุษของราชวงศ์ไม่ได้ ข้าคัดค้านการแต่งตั้งซีไห่อ๋องเป็นฮ่องเต้ หากจะแต่งตั้งใครสักคนก็ต้องเลือกจากตงไห่อ๋องหรือไม่ก็หลางหยาอ๋องคนใดคนหนึ่งเท่านั้น!”
“ข้าไม่เห็นด้วย!” หลูยวนพูดช้าๆ เทียบกับท่าทางเฉียบคมของซย่าโหวอวี๋แล้ว ความสุขุมเยือกเย็นของเขากลับข่มขวัญผู้คนได้มากกว่า
พอทุกคนคิดเชื่อมโยงถึงตำแหน่งฐานะของเขา แม้พวกเขาจะยืนนอบน้อมอยู่ตรงนั้น แต่กลับแอบชำเลืองมองกันไปมา ส่งสายตาให้กัน
ซย่าโหวอวี๋คล้ายโมโหยิ่ง นางตัวสั่นเทิ้ม ร้องโวยวายว่า “โอรสสวรรค์ต้องเลือกจากตงไห่อ๋องหรือหลางหยาอ๋องคนใดคนหนึ่งเท่านั้น!”
หลูยวนปรายตามองซย่าโหวอวี๋อย่างดูแคลน กำลังจะเสียดสีนางสักสองคำ ก็มีคนบุกเข้ามากะทันหัน พลางเอ่ยเสียงเฉียบ “ข้าคิดว่าจ่างกงจู่พูดมีเหตุผล!”
“เซียวหวน!”
“ผู้บัญชาการเซียว!”
คำพูดของผู้มาคล้ายก้อนหินที่โยนลงไปในทะเลสาบเสียงดังต๋อม ทำให้นกริมฝั่งฝูงหนึ่งตกใจโผบินจากไป ทำลายความเงียบงันในตำหนักข้างได้ทันที
โปรดติดตามตอนต่อไป