เช้าวันถัดมา ซย่าโหวอวี๋ตื่นมาพบว่าเป็นอีกวันที่แสงแดดเจิดจ้า อากาศดีมาก
ตู้ฮุ่ยทางหนึ่งสั่งเหล่านางกำนัลให้ปรนนิบัติซย่าโหวอวี๋ล้างหน้าแต่งตัว อีกทางหนึ่งก็พูดเสียงค่อยกับซย่าโหวอวี๋ “เมื่อคืนใต้เท้าหลายท่านอยู่ในตำหนักกลางตลอด มีเพียงหลูไหวที่ออกไปครู่หนึ่งตอนหัวค่ำ ไปพบคนสกุลหลูที่เข้าวังนำของมาส่ง พวกเราทำตามคำสั่งของท่าน ส่งคนติดตามคนสกุลหลูออกจากวัง คนผู้นั้นออกจากวังแล้วก็ตรงดิ่งกลับสกุลหลูทันที จากนั้นก็ไม่เห็นเขาออกมาอีกเลยเพคะ”
ดูท่าหลูยวนคงส่งข่าวออกไปแล้ว ซย่าโหวอวี๋นึกเสียใจภายหลัง ตอนนั้นนางมัวแต่โศกเศร้าสิ้นหวังจนลืมส่งคนไปจับตาดูสกุลหลูไว้ นางพยักหน้านิดๆ
เถียนเฉวียนเข้ามารายงาน “จ่างกงจู่ ทางตำหนักทิงเจิ้งเรียกคนจากสำนักราชเลขาเข้ามาในวัง เห็นว่าจะหารือเรื่องการประกาศข่าวการสวรรคตพ่ะย่ะค่ะ”
โอรสสวรรค์สวรรคตต้องประกาศให้ทั่วหล้ารู้ หนังสือต้องให้สำนักราชเลขาเป็นผู้ร่าง ซย่าโหวอวี๋แปลกใจ “พวกเขาตัดสินใจได้เร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือว่าจะแต่งตั้งผู้ใดขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่” ตอนน้องชายนางตายไม่ได้มีคำสั่งเสียแต่งตั้งผู้สืบทอด เรื่องนี้ทำให้ขุนนางผู้มีอำนาจในราชสำนักสบโอกาส
ชาติก่อนเวลานี้ ขุนนางใหญ่กลุ่มหนึ่งที่นำโดยหลูยวนและเซี่ยตันหยางโต้เถียงปะทะคารมกันหน้าโลงศพน้องชายนางอยู่สองสามวัน สุดท้ายเป็นการซื้อเวลาให้กับเซียวหวน ส่งผลให้เซียวหวนที่รุดเดินทางกลับมาจากสวีโจวผลักดันซย่าโหวโหย่วฝูขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้สำเร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว
หลูยวนที่เดิมทีสนับสนุนให้แต่งตั้งซย่าโหวโหย่วฝูโกรธเกรี้ยวยิ่ง เซี่ยตันหยางที่สนับสนุนให้แต่งตั้งซย่าโหวโหย่วอี้จึงสาแก่ใจ เอนเอียงมาทางเซียวหวนทันที สุดท้ายซย่าโหวโหย่วฝูจึงได้ขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่น เซียวหวนเป็นผู้ได้รับความดีความชอบในการแต่งตั้งฮ่องเต้ครั้งนั้น หลูยวนคับแค้นใจแต่พูดไม่ออก ได้แต่กล้ำกลืนโทสะครั้งนี้ลงไป
ชาตินี้กลับได้ข้อสรุปรวดเร็วถึงเพียงนี้! หรือว่าเมื่อนางเปลี่ยนแปลงการตายของน้องชาย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อชาติที่แล้วพวกนี้จึงเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย? แล้วเหตุใดนางจึงต้องย้อนกลับมาอยู่ตรงนี้อีกครั้งเล่า ซย่าโหวอวี๋งุนงงเล็กน้อย
เถียนเฉวียนอดเอ่ยเตือนซย่าโหวอวี๋ไม่ได้ “จ่างกงจู่ พวกเขาจะแต่งตั้งซีไห่อ๋อง ท่าน…ท่านต้องผดุงความยุติธรรมให้โอรสสวรรค์นะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ซีไห่อ๋อง?” ซย่าโหวอวี๋ตะลึงงัน แต่แล้วก็เข้าใจเจตนาของหลูยวนอย่างรวดเร็ว
หลูยวนคิดเหมือนกับเซียวหวนในอดีต ล้วนอยากแต่งตั้งฮ่องเต้ที่เป็นเด็ก ตนเองจะได้กุมอำนาจ ทว่าการแต่งตั้งซย่าโหวโหย่วฝูสอดคล้องตามหลักของเหตุและผล แต่งตั้งซีไห่อ๋องกลับฝืดฝืนอยู่มาก หากซีไห่อ๋องอยากนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้อย่างมั่นคงก็ต้องพึ่งพาหลูยวนในทุกๆ ด้าน จะต้องนอบน้อมเชื่อฟังเขายิ่งกว่าซย่าโหวโหย่วฝู
“เซี่ยตันหยางก็เห็นด้วยหรือ” ซย่าโหวอวี๋ถาม
เถียนเฉวียนตอบอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อย “ใต้เท้าเซี่ยก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
นี่เป็นอีกเรื่องที่ซย่าโหวอวี๋แปลกใจและคาดไม่ถึง เห็นทีชาตินี้หลายอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว นางไม่อาจจัดการเรื่องต่างๆ ตามประสบการณ์เดิมได้อีก
ซย่าโหวอวี๋พูด “การร่างหนังสือของสำนักราชเลขาน่าจะต้องใช้เวลาตลอดช่วงเช้า กว่าขุนนางพวกนั้นจะทราบข่าวน่าจะเป็นช่วงบ่าย เรื่องบางอย่างมิอาจร้อนใจได้ พวกเจ้าปรนนิบัติข้าแต่งตัวกินอาหารให้เรียบร้อยก่อน ประเดี๋ยวยังต้องเหน็ดเหนื่อยอีกมาก”
การประกาศตัวเลือกฮ่องเต้องค์ใหม่ โดยทั่วไปต้องรอให้ขุนนางมาครบเสียก่อน ร้องไห้รอบหนึ่งแล้วจึงประกาศ แต่ชาตินี้แม้แต่เซี่ยตันหยางยังถูกหลูยวนโน้มน้าว ใครจะไปรู้ว่ากฎธรรมเนียมพวกนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปด้วยหรือไม่ นางเตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่นๆ ดีกว่า
ตู้ฮุ่ยกับเถียนเฉวียนรับคำพร้อมกัน คนหนึ่งช่วยซย่าโหวอวี๋เปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัว คนหนึ่งสั่งให้ยกน้ำชาและสำรับอาหารเช้าเข้ามา ไม่นานผู้คนในตำหนักเฟิ่งหยางก็ยุ่งง่วน กว่าซย่าโหวอวี๋จะเปลี่ยนมาสวมชุดไว้ทุกข์ กินอาหารเจเสร็จเรียบร้อย ดวงอาทิตย์ก็ลอยขึ้นมาแล้ว สาดส่องลงบนใบไม้สีเขียวชอุ่ม หยาดน้ำค้างเหล่านั้นสลายหายไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่คราบจางๆ ยังไม่หลงเหลือไว้
ซย่าโหวอวี๋มุ่งหน้าไปตำหนักทิงเจิ้ง นางเห็นหลูยวนกำลังสั่งการขันทีในวังที่รู้ธรรมเนียมให้ย้ายศพของซย่าโหวโหย่วเต้าลงไปในโลงได้แต่ไกล
แม้จะผ่านเหตุการณ์นี้มาสองหนแล้ว แต่หัวใจของซย่าโหวอวี๋ยังคงเจ็บหนึบ หัวสมองของนางด้านชา จนไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ยังคงเป็นตู้ฮุ่ยที่สะกิดชายเสื้อนางเบาๆ และบอกกับนางว่า “ใต้เท้าเซี่ยยืนอยู่ใต้ชายคาคนเดียวเพคะ!”