ซย่าโหวอวี๋มองไป เซี่ยตันหยางไม่ได้ขยับไปหน้าโลงของซย่าโหวโหย่วเต้า แต่ยืนอยู่ใต้ชายคาตรงหัวมุมทิศตะวันออกตามลำพัง มองโลงศพของซย่าโหวโหย่วเต้า สีหน้าเต็มไปด้วยความเหม่อลอยและเศร้าสลด
สิ่งนี้ทำให้ซย่าโหวอวี๋รู้สึกประทับใจ นางพลันบังเกิดความซาบซึ้งใจขึ้นมาหลายส่วน ไม่ว่าเซี่ยตันหยางแสดงสีหน้าเช่นนี้เพราะอะไร อย่างน้อยเขายังคงรู้สึกว่าการจากไปของน้องชายไม่ใช่เรื่องที่ดี สำหรับนางแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว นางสั่งให้ตู้ฮุ่ยและคนอื่นๆ รออยู่ที่เดิม ส่วนตนเองก็เดินเข้าไปช้าๆ
ทุกคนต่างยุ่งกับการบรรจุศพของซย่าโหวโหย่วเต้าลงโลง มีเพียงไม่กี่คนที่เห็นการกระทำของซย่าโหวอวี๋ คนที่เห็นก็ไม่กล้ากระโดดออกมาก่อเรื่องในเวลานี้
“ใต้เท้าเซี่ย!” ซย่าโหวอวี๋หยุดยืนห่างจากเซี่ยตันหยางไปห้าหกก้าว
เซี่ยตันหยางดึงสติกลับมา เขาคารวะซย่าโหวอวี๋อย่างนอบน้อม
ซย่าโหวอวี๋คารวะตอบและเอ่ยเสียงค่อย “ข้ามีเรื่องอยากหารือกับใต้เท้าเซี่ย ไม่ทราบใต้เท้าเซี่ยจะไปเดินเล่นในสวนดอกไม้ด้านหลังกับข้าได้หรือไม่”
เซี่ยตันหยางเบิกตาโต เหลือบมองคนในตำหนักที่กำลังยุ่งง่วนแวบหนึ่ง จากนั้นมองสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชาทว่าสุขุมของซย่าโหวอวี๋ ครู่หนึ่งจึงตอบเสียงเนิบ “ไม่ทราบจ่างกงจู่มีอะไรจะสั่งกระหม่อมหรือ หนังสือประกาศการสวรรคตของสำนักราชเลขากำลังจะออกมาแล้ว ประเดี๋ยวกระหม่อมยังต้องดูอีก…” เขาปฏิเสธซย่าโหวอวี๋ทางอ้อม
ซย่าโหวอวี๋ฝืนอดทนไม่แสดงพิรุธออกมา ชาติก่อนเซียวหวนจะยกทัพขึ้นเหนือ ด้วยไม่อยากเสียเวลาไปกับการเมืองการปกครอง เขาจึงให้ซย่าโหวโหย่วฝูเลื่อนขั้นเขาขึ้นเป็นต้าซือหม่า ผลักเซี่ยตันหยางออกมางัดข้อกับหลูยวนแทน เซี่ยตันหยางเองก็ยินดีอย่างยิ่ง คอยหาเรื่องหลูยวนไม่หยุดหย่อน กล่าวได้ว่าหลูยวนโมโหตายในตอนสุดท้าย เซี่ยตันหยางกลายเป็นผู้ที่มีความดีความชอบมากที่สุด
แต่ชาตินี้เซี่ยตันหยางกลับผูกมิตรกับหลูยวน หากเซียวหวนรู้เรื่องพวกนี้…ซย่าโหวอวี๋อยากเห็นสีหน้าของเขาจริงๆ!
น่าเสียดาย ตอนนี้นางจำต้องไขว่คว้าหาการสนับสนุนจากเซี่ยตันหยางก่อน
“เซี่ยเซียนเซิงกังวลอะไรอยู่หรือ” ซย่าโหวอวี๋ยกมุมปากมองเขา นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียดสีอยู่หลายส่วน “ที่เซี่ยเซียนเซิงคิดว่าแต่งตั้งซีไห่อ๋องดีกว่าแต่งตั้งตงไห่อ๋อง คงเพราะถูกแม่ทัพใหญ่โน้มน้าวด้วยเหตุผลมาแล้วกระมัง ขอข้าคิดดูก่อน แม่ทัพใหญ่พูดโน้มน้าวใต้เท้าเซี่ยเช่นไรนะ เป่ยเหลียงแต่งตั้งกู้ซย่าเป็นต้าซือหม่า เป่ยเหลียงน่าจะคิดเปิดศึกกับทางใต้ ทว่าตามที่ข้ารู้มา เป่ยเหลียงเหวินตี้อายุมากแล้ว บุตรสาวของกู้ซย่ากลับเป็นฮองเฮาของเหวินตี้ เพิ่งมีข่าวออกมาว่าตั้งครรภ์…”
เซี่ยตันหยางตื่นตกใจ เขาโพล่งออกมา “จ่างกงจู่ทรงรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร!”
ซย่าโหวอวี๋เพียงยิ้มไม่ตอบ นางย้อนถามว่า “ใต้เท้าเซี่ยเป็นเจ้าเมืองตันหยาง ปกครองดูแลราษฎรสามแสนคนในเมืองเจี้ยนคัง หรือว่าแม้แต่เรื่องพวกนี้ท่านก็ไม่ทราบ”
สายตาที่เซี่ยตันหยางมองซย่าโหวอวี๋ซับซ้อนอย่างมาก
ซย่าโหวอวี๋พูดเสียงเย็น “แทนที่จะแต่งตั้งคนที่ฐานะไม่เหมาะสมและต้องพึ่งพาแม่ทัพใหญ่หลูขึ้นเป็นโอรสสวรรค์ มิสู้แต่งตั้งหลางหยาอ๋องที่อ่อนเยาว์เหมือนกัน แทนที่จะแต่งตั้งหลางหยาอ๋องที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย มิสู้แต่งตั้งตงไห่อ๋องที่กำลังย่างเข้าสู่วัยอู่เสา นี่ต่างหากคือรากฐานของแผ่นดิน ใต้เท้าเซี่ยคิดเห็นเช่นไร”
เซี่ยตันหยางจำต้องเก็บความรู้สึกตื่นตกใจลงไป แล้วประเมินซย่าโหวอวี๋ใหม่อย่างเคร่งขรึมจริงจัง
ซย่าโหวอวี๋ให้เวลาเขาใคร่ครวญ นางทอดสายตามองกอไผ่เหมาจู๋ตรงมุมเรือนเงียบๆ ด้วยเรือนร่างเหยียดตรง
นั่นเป็นไผ่พันธุ์ธรรมดาที่สุด แต่กลับเป็นไผ่ที่เหวินเซวียนฮองเฮาช่วยกันกับนางและน้องชายปลูกในวันเกิดครบหนึ่งขวบของน้องชาย
บัดนี้ป่าไผ่เขียวขจีหนาแน่น แต่คนที่ปลูกไผ่กลับจากนางไปทีละคนแล้ว
เนิ่นนานผ่านไป เสียงในตำหนักกลางก็ค่อยๆ เงียบลง ขันทีแต่ละคนถอยออกไป