เซียวหวนแผ่นหลังหนาวเยือก พวกเขาล้วนตกหลุมพรางของซย่าโหวอวี๋!
ที่ดินบรรดาศักดิ์ของตงไห่อ๋องซย่าโหวโหย่วอี้อยู่ที่เจี้ยนหูเมืองตงไห่ หากเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน ก็ต้องใช้เส้นทางบกเจ็ดวันจึงจะถึง ใช้เส้นทางน้ำสามวันจึงจะถึง ซย่าโหวโหย่วเต้าเพิ่งสวรรคตได้ไม่ถึงเจ็ดวัน ตัวเลือกฮ่องเต้องค์ใหม่เพิ่งจะกำหนดเป็นที่แน่นอน ซย่าโหวโหย่วอี้กลับปรากฏตัวในตำหนักทิงเจิ้งภายใต้การคุ้มครองของซย่าโหวอวี๋ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นแผนการที่ซย่าโหวอวี๋วางไว้ล่วงหน้าแล้ว
แต่พวกเขาขุนนางที่มีอำนาจและขุนนางที่ปรึกษาแต่ละคนกลับคิดว่าสถานการณ์อยู่ในการควบคุมของตนเอง ขอเพียงตนเป็นผู้ลงมือ ไม่เพียงสามารถกำหนดฮ่องเต้องค์ใหม่ได้ ยังสามารถบงการสถานการณ์ในราชสำนักด้วย
ช่างหลงตนเองจนน่าหัวเราะ!
ซย่าโหวอวี๋เป็นสตรีเช่นไรกันแน่ น้องชายร่วมอุทรที่พึ่งพาอาศัยกันมาป่วยตายกะทันหัน นางกลับวางแผนเรื่องทั้งหมดนี้ได้ ต้องกระทำไปด้วยความรู้สึกเช่นไรกัน เหตุใดนางต้องทำเช่นนี้ เป็นจ่างกงจู่ที่สงบเสงี่ยมและได้รับความเคารพนับถือจากผู้คนไม่ดีหรือ เหตุใดต้องเอาตัวมาพัวพันกับการต่อสู้แย่งชิงในราชสำนักด้วย เรื่องนี้มีผลดีกับนางเช่นไร
หัวสมองของเซียวหวนสับสนว้าวุ่น นานครู่ใหญ่ก็ยังมิอาจดึงสติกลับมาได้
ทว่าท่าทางของเซียวหวนกลับทำให้เซี่ยตันหยางอารมณ์ดีขึ้นมาก อย่างน้อยเซียวหวนก็ไม่ได้หลอกใช้เขา!
เขาพลันรู้สึกเวทนาเซียวหวนเล็กน้อย เกรงว่าเด็กคนนี้คงยังไม่ตระหนักถึงความร้ายกาจของซย่าโหวอวี๋กระมัง แต่พวกเขาเหล่านี้มีผู้ใดบ้างที่ตระหนักถึงความร้ายกาจของซย่าโหวอวี๋อย่างแท้จริงเล่า หากนางไม่ได้ตลบหลังพวกเขาในครั้งนี้ เกรงว่าพวกเขาคงยังไม่เข้าใจความร้ายกาจของนางได้อย่างลึกซึ้ง
คิดเช่นนี้แล้ว เขารู้สึกว่าตนเองกับเซียวหวนก็แค่ห้าสิบก้าวหัวเราะเยาะร้อยก้าว เขาไม่มีหน้าไปเห็นใจเซียวหวนหรอก เขาถอนหายใจยาวเบาๆ อย่างอดไม่ได้ “คิดไม่ถึงว่าจิ้นหลิงจ่างกงจู่จะเชิญตงไห่อ๋องเข้าวัง”
ซย่าโหวอวี๋ต้องการให้พวกเขาตระหนักถึงสิ่งที่ตนเองทำ ชาติก่อนนางใช้ชีวิตอย่างจำยอมมาชั่วชีวิต สุดท้ายก็ยังต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวตัวคนเดียว คนที่อยากปกป้องไม่อาจปกป้องไว้ได้สักคน คนที่อยากคุ้มครองก็ไม่อาจรักษาไว้ได้สักคน ชีวิตนี้นางอยากจะทำอะไรก็จะทำเช่นนั้น เรื่องอะไรต้องให้คนใกล้ชิดมาเจ็บปวด ต้องทำให้ศัตรูสาแก่ใจด้วย!
นับตั้งแต่วันนี้ไป นางจะทะนุถนอมตนเองมากยิ่งขึ้น ทะนุถนอมคนที่เคยจงรักภักดีต่อนาง เคยมีบุญคุณต่อนางมากยิ่งขึ้น
“โอรสสวรรค์สวรรคต พวกเขาที่เป็นพี่น้องย่อมสมควรมาเมืองเจี้ยนคังเพื่อจุดธูปเซ่นไหว้” ซย่าโหวอวี๋คลี่ยิ้มจางๆ สายตากวาดมองเซียวหวน ก่อนจะเลื่อนไปยังหลูยวน
ความตกตะลึงของหลูยวนแปรเปลี่ยนเป็นกลิ่นอายดุดันทั่วร่างแล้ว
ซย่าโหวอวี๋! นางมีสิทธิ์อะไรมาเยาะหยันเขา นางลืมไปแล้วหรือไรว่าแต่ก่อนนางเคยก้มหน้าเชื่อฟังเขาเช่นไรบ้าง หากไม่มีเขา นางจะนับเป็นตัวอะไร ซย่าโหวโหย่วเต้าจะได้เป็นฮ่องเต้หรือ
นี่นางจะทำอะไรกัน ข้ามแม่น้ำรื้อสะพาน! ได้ปลาลืมไซ!
นางคิดว่านางมีตำแหน่งหน้าที่อะไรกัน เป็นจ่างกงจู่แค่ไม่กี่ปีก็ลืมตัวเสียแล้วหรือ คิดว่าตัวเองทำเช่นนี้แล้วจะบงการราชสำนักได้? ควบคุมฮ่องเต้ได้หรือ สีหน้าของหลูยวนถมึงทึงจนน่ากลัว
ซย่าโหวอวี๋กลับไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เลวร้ายที่สุดก็แค่เท่านี้ ยังมีอะไรให้เลวร้ายไปกว่านี้อีกหรือ นางยิ้มจางๆ จ้องมองหลูยวน
อิ่นผิงคุ้มกันเด็กหนุ่มผิวพรรณขาวสะอาดเดินเข้ามาโดยมีเถียนเฉวียนนำหน้า เขาอายุเพียงสิบสองสิบสามปีเท่านั้น ทว่าท่วงท่ากิริยากลับสุขุมอย่างยิ่ง เขาดูเหมือนผู้ใหญ่ตัวเล็ก คิ้วเข้มตาโต หน้าผากกว้างจมูกโด่ง แตกต่างจากซย่าโหวโหย่วเต้าและซย่าโหวอวี๋ที่มีตาหงส์คิ้วยาว หน้าตาหมดจดเกลี้ยงเกลาโดยสิ้นเชิง ยิ่งมิอาจเทียบกับอู่จงฮ่องเต้ที่ท่าทางเอาแต่ใจไม่สำรวมได้ อย่างน้อยก็เป็นเด็กที่แข็งแรงมีมารยาท ดูแล้วค่อนข้างพึ่งพาได้คนหนึ่ง
ขุนนางสูงวัยบางคนอดหลั่งน้ำตาไม่ได้ พึมพำว่า “โอรสสวรรค์”
ซย่าโหวโหย่วอี้กลับไม่ได้สนใจคนเหล่านี้ เขาเดินไปตรงหน้าซย่าโหวอวี๋อย่างเคารพนบนอบ โค้งคำนับจนสุดและเอ่ยเรียกนางว่า “พี่สาว”