ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 22-24 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 22-24

บทที่ 23 บุญคุณความแค้นในอดีต

เฉินอิ๋งไม่สนใจ แต่เฉินจิ่นกลับไม่อาจทนฟังต่อ นางยกมุมปากยิ้มหยัน “เก็บงำซ่อนความแล้วอย่างไร อย่างน้อยยามหน้าสิ่วหน้าขวานน้องสามก็มิได้หลบๆ ซ่อนๆ ไม่เหมือนน้องสี่ที่ฉลาดเฉลียวมีไหวพริบ รู้ว่าเวลาใดควรพูด เวลาใดควรเป็นใบ้”

นางเหน็บแนมเฉินหานที่เมื่อวานไม่ยอมออกปากช่วยเหลือตนเอง

แม้จะถูกอีกฝ่ายฉีกหน้าเช่นนั้น แต่เฉินหานกลับไม่กล้าพูดจาตอกกลับเหมือนที่ทำกับเฉินเซียง นางกลอกตา ตบอกเอ่ยบอก “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย พี่ใหญ่ไยต้องต่อว่ามากมาย ทั้งยังปั้นหน้าถมึงทึงเช่นนั้นด้วยเล่า น่ากลัวจะแย่” พลางหันไปทางเฉินอิ๋ง เอ่ยปากน้อยอกน้อยใจ “พี่สามก็ไม่ยอมช่วยพูดอะไรให้ข้าบ้างเลย เช่นนี้พวกเรายังเป็นพี่น้องกันอีกกระนั้นหรือ”

เฉินจิ่นกระแหนะกระแหนอีกฝ่ายกลับอย่างรวดเร็ว “น้องสี่ยังจำได้อีกหรือว่าทุกคนล้วนเป็นพี่น้องกัน พอมีเรื่องเกิดขึ้นจริง คนที่วิ่งหนีก่อนเป็นคนแรกก็คือเจ้า คำว่าพี่น้องที่ออกจากปากของเจ้านี้เหมือนจะไม่มีราคาค่างวดอันใด”

เฉินหานหน้าเปลี่ยนสี อ้าปากคิดจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเฉินอิ๋งกลับเอ่ยปากถามเฉินจิ่นขึ้นมาก่อนว่า “พี่ใหญ่ยังมีอะไรจะถามอีกหรือไม่”

คำถามนี้ขัดจังหวะสวนกลับของเฉินหานพอดิบพอดี เฉินหานสีหน้าบึ้งตึง ปากที่อ้าค้างปิดกลับลงไปอีกครั้ง

คำถามของเฉินอิ๋งเรียกสติของเฉินจิ่นให้กลับมาอีกคราว นางมองดูเฉินหานคราหนึ่งคล้ายคิดจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับหยุดไว้เพียงเท่านั้น

เฉินอิ๋งเข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดถามอะไร นางยิ้มมุมปาก “หากพี่ใหญ่ต้องการถามเรื่องนายท่านสกุลหวังกับเรื่องจวนองค์หญิงใหญ่ก็เอ่ยปากถามมาตรงๆ เถอะ”

เฉินจิ่นดวงตาเบิกกว้างรวดเร็ว เอ่ยด้วยความประหลาดใจ “น้องสาม เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าเรื่องที่ข้าต้องการถามคือเรื่องนี้”

“จวนองค์หญิงใหญ่เกิดเรื่องอะไร แล้วนายท่านสกุลหวังไหน” เฉินหานลืมเรื่องทะเลาะกันเมื่อครู่ไปจนสิ้น นางกล่าวคำถามออกมาติดๆ กัน

เฉินอิ๋งไม่ได้ตอบ นางหันไปโบกมือให้สวินเจิน

สวินเจินค้อมกายถอยฉากออกไปเฝ้าอยู่ที่นอกเรือน

“อันที่จริงนี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ทว่าคนที่รู้เรื่องกลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น” เฉินอิ๋งยกถ้วยชาขึ้นจิบ ยิ้มมุมปากอีกครา “อีกไม่กี่วันเรื่องนี้อาจแพร่สะพัดไปทั่ว เพราะฉะนั้นจะพูดเสียตอนนี้ก็คงไม่เป็นไร”

“ก็ดี” เฉินจิ่นวางใจ ไม่สนใจเฉินหานอีกต่อไป ทำเพียงหันไปบอกกับเฉินอิ๋ง “เช่นนั้นน้องสามก็เล่ามา”

เฉินหานก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน ทำเพียงเบิกตากว้างตั้งสติรอฟัง

เฉินอิ๋งบอก “หนึ่งปีกว่าก่อนหน้านี้มีอยู่ครั้งหนึ่งนายท่านหวังแอบหนีออกไปเที่ยวข้างนอกทางประตูหลัง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงบังเอิญตะลอนไปถึงหน้าประตูจวนองค์หญิงใหญ่ได้ หนำซ้ำยังไปชนพ่อบ้านของจวนองค์หญิงใหญ่เข้า พ่อบ้านรายนั้นทุบตีนายท่านหวังจนขาหัก”

“เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยอย่างนั้นหรือ” เฉินจิ่นประหลาดใจ สองตาเบิกกว้าง “ข้าเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก”

“ปีที่แล้วซ่งฮูหยินจัดงานชุมนุมชา ข้าถึงได้ยินเรื่องนี้” เฉินอิ๋งอธิบาย

นางไม่ได้พูดถึงชื่อของคุณหนูสกุลหวังสองพี่น้อง เฉินจิ่นเองก็ฉลาดพอที่จะไม่เอ่ยปากถาม

เฉินหานเพราะกำลังย่อยข่าวสาร ยามนี้จึงยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา

เฉินอิ๋งจิบชาช้าๆ สายตามองไปที่นอกหน้าต่าง

อันที่จริงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้หาได้ง่ายดายเช่นนั้นไม่ และบทสรุปก็มิได้เทไปด้านใดด้านหนึ่ง นายท่านสกุลหวังผู้นั้นมิได้ขาดทุน ที่อยู่ในมือเขาคือมีดเชือดหมู เส้นผมของพ่อบ้านรายนั้นถูกเขาเฉือนไปกว่าครึ่ง หาไม่แล้วผู้อื่นมีหรือจะเล่นงานจนเขาขาหัก

นอกจากนี้นายท่านสกุลหวังเองก็ไม่เพียงเชี่ยวชาญเรื่องการฆ่าหมู เขายังมีเสียงตะโกนที่ดังลั่น ส่งเสียงเอะอะเอ็ดตะโรจนที่ปรึกษาจวนองค์หญิงใหญ่ก็ยังเผ่นออกมาดู เรื่องดังกล่าวถึงสงบลงได้

ทั้งที่ปรึกษาและพ่อบ้านผู้นั้นต่างไม่เคยพบเจอนายท่านสกุลหวังมาก่อน หลังเกิดเรื่องจึงได้แต่ถือว่าตนเองโชคร้ายถูกตาเฒ่าบ้านนอกเล่นงานจนตกที่นั่งลำบาก ส่วนพี่น้องสกุลหวังพอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นองค์หญิงใหญ่ ก็ได้แต่เก็บเรื่องนี้ไว้ไม่ปล่อยให้ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดออกไป

เรื่องนี้สำหรับบุตรผู้กตัญญูแล้วแน่นอนว่าไม่อาจปล่อยผ่านไม่สนใจ พอมีเรื่องเกิดขึ้นเมื่อวานจึงทำให้พี่น้องสกุลหวังสบช่องล้างแค้นเอาคืนได้พอดี

หลังสอบถามเรื่องที่อยากรู้จบ เฉินจิ่นกับเฉินหานก็จากไป เรื่องนี้สำหรับจวนกั๋วกงนับได้ว่าจบสิ้นแล้ว

วันเวลาของเฉินอิ๋งกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง นอกจากสายสัมพันธ์กับเฉินจิ่นที่ดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว อย่างอื่นก็ล้วนเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน

เดือนสามฤดูใบไม้ผลิผ่านพ้น เดือนสี่ฤดูร้อนมาเยือน บุปผาบานสะพรั่งสุดท้ายก็เลือนหาย ที่เข้ามาแทนที่คือทัศนียภาพเขียวขจีเต็มสองตา สายลมแผ่วเบาต้นฤดูร้อนพัดผ่านแม่น้ำชิงเจียงที่อยู่นอกเมือง

ในเมืองเซิ่งจิงปกคลุมไปด้วยอากาศอบอุ่นชุ่มชื้น

พิธีปักปิ่นของเฉินจิ่นจัดขึ้นตอนต้นเดือน

พิธีปักปิ่นของคุณหนูจวนกั๋วกงแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เชิญแขกนอก จริงอยู่ที่ฐานะของกั๋วกงสูงพออยู่แล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าสวี่เองก็เป็นถึงนายหญิงตราตั้ง* ขั้นหนึ่ง ทว่าพิธีปักปิ่นของนางในยามนั้นล้วนจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย

แต่ปีนี้กลับต่างกันออกไป

พิธีปักปิ่นของเฉินจิ่นไม่เพียงเชิญแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากเข้าร่วม หนำซ้ำยังจัดขึ้นอย่างเอิกเกริกยิ่งใหญ่ มีฮูหยินผู้เฒ่าสวี่เป็นผู้ประกาศรายการพิธีด้วยตนเอง แขกคนสำคัญที่เชิญมาคืออันชิ่งจวิ้นจู่ที่ไม่เสด็จไปไหนมาไหนเป็นเวลาช้านาน ส่วนฝ่ายต้อนรับ ผู้ประกอบพิธี รวมถึงเหล่านักดนตรีก็ล้วนต่างมาจากครอบครัวขุนนาง เห็นได้ชัดว่าทุกคนถูกเชิญมาภายใต้บารมียิ่งใหญ่ของสกุลสวี่

หลังพิธีปักปิ่นผ่านพ้น งานแต่งของเฉินจิ่นก็ถูกกำหนด สวี่ซื่อยิ่งกระตือรือร้นพานางไปพบผู้คนข้างนอก ว่ากันว่าไปพบบุรุษรูปงามมากความสามารถมาหลายต่อหลายคน ทว่ายังคงต้องไตร่ตรองพิจารณาดูโดยละเอียดก่อนถึงค่อยตัดสินใจ

เรื่องอึกทึกครึกครื้นเหล่านี้ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับเฉินอิ๋ง นางยังคงควรทำอะไรก็ทำสิ่งนั้น แม้จะเข้าร่วมงานชมบุปผาชุมนุมชาอะไรพวกนั้นเป็นครั้งคราว แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังคงไม่ชอบพูดจาเหมือนเก่า ส่วนชื่อเสียงของนางตอนอยู่ที่คฤหาสน์อู่หลิงนั้นก็ค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา

หลังพ้นช่วงหมังจ่ง ภายในจวนกั๋วกงก็มีการปรับปรุงรูปโฉม เปลี่ยนจากม่านผ้าดิ้นมาเป็นมู่ลี่ไม้ไผ่ ลงกาวแป้งเปียกติดกระดาษหน้าต่างเสียใหม่ สวี่ซื่อเรียกคนเอาสิ่วเจาะน้ำแข็งออกมาล้างทำความสะอาดก่อนจะเอาไปตากลมให้แห้งอยู่ในที่ร่ม รอวันใดที่อากาศร้อนๆ ค่อยเอาออกมาใช้

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันเทศกาลซั่งซื่อนั้นแทบจะไม่มีใครจำได้แล้ว

ก็เหมือนอย่างที่เฉินอิ๋งคาดการณ์ไว้ เซียวไทเฮากับจวนองค์หญิงใหญ่ล้วนถูกสกุลหวัง…ถ้าจะพูดให้ถูกก็ต้องบอกว่าถูกผู้ตรวจการหวังตามตอแยไม่หยุด จนไม่มีเวลามาสนใจจวนกั๋วกง

องค์หญิงใหญ่กับเซียงซานเซี่ยนจู่ละเมิดกฎบรรพชน เรื่องนี้เดิมเล็กก็ได้ใหญ่ก็ได้ แต่เซียงซานเซี่ยนจู่ใช้อำนาจรังแกผู้คน หนำซ้ำยังรังแกมาถึงหัวของเสาหลักราชสำนัก มีข้ออ้างเช่นนี้หวังโย่วย่อมมีอำนาจขยายเรื่องนี้ให้ลุกลามใหญ่โตไม่รู้จักจบจักสิ้น

จากเดือนสามถึงเดือนสี่ ตลอดระยะเวลาเดือนกว่าๆ นี้ฎีกากล่าวโทษเซียวไทเฮากับองค์หญิงใหญ่ถูกทูลเกล้าถวายขึ้นมาฉบับแล้วฉบับเล่าจนกองแทบจะเต็มโต๊ะทรงพระอักษรของฮ่องเต้หยวนจยา ทำเอาพระองค์ปวดพระเศียรเวียนเกล้ายิ่ง

หวังโย่วแสดงอำนาจที่ตนเองมีต่อเหล่าปัญญาชนชั้นล่าง เขานำขุนนางฝ่ายตรวจการหนุ่มกลุ่มหนึ่งขยายวงเปิดศึกกับพระมารดาและพระขนิษฐาของฮ่องเต้หยวนจยา อานุภาพของมันถึงจะไม่ได้ใหญ่หลวงมากนัก แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับแม่น้ำสายน้อยที่ไหลอย่างไม่หยุดนิ่ง ฎีกาฉบับแล้วฉบับเล่าถูกทูลเกล้าถวายไม่เคยขาด

สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นนับวันก็ยิ่งมาก พฤติกรรมชั่วร้ายขององค์หญิงใหญ่ถูกผู้คนรื้อค้นเปิดโปง รวมถึงเรื่องราวก่อนอภิเษกสมรสของพระองค์ก็ถูกขุดคุ้ยออกมาวางขึ้นบนโต๊ะเช่นกัน

ใช้กำลังยึดไร่นาชาวบ้านยึดครองตลาดอาจไม่นับเป็นเรื่องใหญ่อะไรได้ ทว่าแม้แต่เรื่องกักขังชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ เห็นชีวิตผู้คนราวกับผักหญ้า รวมถึงเรื่องสั่งสมอาวุธยุทโธปกรณ์ก็ยังถูกเปิดโปง หากเรื่องใหญ่เหล่านี้เป็นความจริง เกรงว่าหัวขององค์หญิงใหญ่นี้คงไม่พอให้กระเด็นหลุดออกจากบ่า

แน่นอนว่าฮ่องเต้หยวนจยาย่อมไม่ปรารถนาจะบั่นพระศอของพระขนิษฐาของตนเอง ทว่าไม่ว่าเช่นไรพระองค์ก็ต้องทรงมีทีท่าอะไรบางอย่าง

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com