บทที่ 234 ยโสโอหัง
ผู้คนในห้องต่างพากันตะลึงลาน
หมิงซินกลับราวกับจมดิ่งอยู่ท่ามกลางอารมณ์ความรู้สึกแห่งตน นางยังคงพล่ามพูดไม่หยุด ทุกถ้อยคำล้วนราวกับแฝงไว้ซึ่งน้ำหนักแปลกประหลาด กระแทกเข้าใส่หูของคนทุกผู้ “ความมุ่งมาดปรารถนาของผู้น้อยหาใช่เรื่องเหลวไหลไร้สาระพวกนี้ไม่ น่าขันที่คนที่คิดว่าตนเองสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งพวกนั้นกลับไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าดูผู้น้อยผิดไป”
ด้วยเพราะอารมณ์ฮึกเหิมทำให้เสียงของนางดังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “ที่ผู้น้อยอยู่ที่บ้านสกุลเหอไม่ยอมจากไปที่ใด มิใช่เพราะสิเน่หาระหว่างชายหนุ่มหญิงสาว และยิ่งไม่ใช่หมายสู้รบตบมือชนิดเจ้าตายข้ารอดกับสตรีนางใด ปณิธานเพียงหนึ่งเดียวของผู้น้อยคือช่วยใต้เท้าเหอมองการณ์ไกล ยกฐานะเลื่อนตำแหน่งรวดเร็ว บรรลุความปรารถนาชั่วชีวิต”
บรรยากาศภายในห้องถูกครอบงำด้วยความเงียบสงัด มีเพียงหางวาจาอวดโอ่ของหมิงซินเท่านั้นที่ยังคงก้องกังวานอยู่ทั่วทุกสารทิศ
สาวใช้ฐานะต่ำต้อยนางหนึ่งบอกว่าไม่สนใจเป็นอนุยังพอว่า แต่นี่ถึงขนาดกล้าป่าวประกาศบอกว่าแม้แต่ตำแหน่งฮูหยินใหญ่ก็ยังไม่สน ที่นางต้องการมิใช่เรือนหลัง หากแต่เป็นเรื่องของราชสำนัก!
นี่มิใช่แค่เพียงกำเริบเสิบสาน แต่เป็นกบฏ!
เฉินอิ๋งตะลึงมองหมิงซิน จิตใจกระเพื่อมไหว
ยากจะพบพานโดยแท้
ที่นางมองเห็นอยู่ในสายตาของสตรีในยุคโบราณผู้นี้คือความทะเยอทะยาน
ความทะเยอทะยานยโสโอหังแรงกล้าเยี่ยงนั้นปรากฏอยู่บนตัวอีกฝ่ายอย่างชัดเจนเสียยิ่งกว่าเหล่าบุรุษที่เล่าเรียนเขียนอ่านแสวงหาความก้าวหน้าพวกนั้นเสียอีก
“ผู้น้อยไม่ขอปิดบังอันใดคุณหนูอีก ยามนั้นที่ใต้เท้าเหอกล้าตกลงรับปากช่วยใต้เท้าหลี่นั่นก็ด้วยเพราะเขาฟังคำแนะนำของผู้น้อย” หมิงซินโยนระเบิดออกมาเป็นชุด ราวกับกลัวทุกคนจะแตกตื่นตกใจตะลึงลานกันไม่พอ “หนังสือราชการในเติงโจวพวกนั้นผู้น้อยล้วนอ่านมันครบทุกตัวอักษร เนื้อความสำคัญอันใดผู้น้อยล้วนจดจำมันใส่ใจและลอบคัดลอกจดบันทึกไว้ จนกระทั่งใต้เท้าหลี่ส่งคนมาตรวจสอบ ผู้น้อยถึงได้มอบมันให้กับใต้เท้าเหอ”
นางบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ราวกับว่าการที่สาวใช้เช่นนางช่วยเหลือผู้เป็นนายจัดการงานราชการนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดายิ่งยวด “หากตลอดหลายปีมานี้ไม่มีผู้น้อยคอยเก็บรวบรวมข่าวสาร ใต้เท้าเหอแม้มีใจคิดช่วยเหลือ ก็ไม่มีทางช่วยใต้เท้าหลี่รื้อหามอดปลวกพวกนี้ได้พบ ถ้าพูดจาโอหังบังอาจสักหน่อยก็คงต้องบอกว่าหากไม่มีผู้น้อย อาศัยความสามารถของใต้เท้าเหอ คิดเลื่อนตำแหน่งรวดเดียวสองขั้น ไหนเลยจะเป็นไปได้”
หลังประกาศชัด หมิงซินก็เผยยิ้ม สีหน้าสงบนิ่ง ไม่แสดงอาการสะทกสะท้านอันใดออกมา เรียกได้ว่ามิได้แลดูอ่อนด้อยกว่าสตรีสูงศักดิ์นางใด
หลัวมามารวมถึงพวกสวินเจินต่างพากันตะลึงงัน พวกนางใช่ว่าจะไม่เคยพบเห็นบ่าวไพร่เอ่ยปากตำหนินายเก่า และใช่ว่าจะไม่เคยพบเจอบ่าวไพร่ทะนงตนมาก่อน
เพียงแต่สาวใช้ใจกล้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าผู้นี้ ไม่ว่าจะวิธีการหรือมุมมองที่นางวิพากษ์วิจารณ์ผู้เป็นนายล้วนแต่ไม่เหมือนผู้ใด นับเป็นการเปิดโลกใหม่ให้กับพวกนางโดยแท้
เฉินอิ๋งพิจารณาดูหมิงซิน พูดกันตามตรง นางใช่ว่าจะไม่รู้สึกตกใจ
ที่ยืนอยู่ต่อหน้านางยามนี้มิใช่สาวใช้ฉลาดเฉลียวซื้อขนมเปี๊ยะต้นหอมนางนั้นอีกต่อไป แต่หากแลดูคล้ายนักการเมืองทะเยอทะยานผู้หนึ่ง
หากมิใช่เห็นเองกับตา เฉินอิ๋งย่อมไม่มีทางจินตนาการออกว่าจะมีสตรีเช่นนี้ปรากฏตัวอยู่ในยุคโบราณ
นางคล้ายสติสัมปชัญญะเลือนราง
นี่ยังใช่ยุคต้าฉู่กระนั้นหรือ
ในยุคโบราณที่สอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐานยิ่งยวดนี้ มี ‘นักการเมืองสตรี’ เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
ในเวลาเดียวกัน จู่ๆ หมิงซินก็เก็บกลิ่นอายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังบนตัวนั้นไปจนสิ้น
ใบหน้าของนางยามนี้แปรเปลี่ยนขมขื่นขึ้นมาเล็กๆ สีหน้าหม่นหมอง “เพียงแต่คนคำนวณมิสู้สวรรค์ลิขิต ผู้น้อยอุตส่าห์ไตร่ตรองถ้วนถี่ แต่สุดท้ายกลับลืมคำนึงถึงเรื่องกู่ต้าฝู เรื่องนี้ไหนเลยจะโทษผู้ใดไหนอื่นได้ คงได้แต่ต้องโทษที่ผู้น้อยเลินเล่อเกินไป ใครเล่าจะไปคิดว่าเถ้าแก่ร้านขายขนมเปี๊ยะต้นหอมจะกล้าลงมือฆ่าคนเยี่ยงนั้น คนผู้นี้ปกติแลดูซื่อๆ นึกไม่ถึงว่าความทะเยอทะยานของผู้น้อยจะถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของคนชั้นต่ำเยี่ยงนี้”
นางถอนหายใจ ยกมือจัดมวยผม แต่เพียงครู่เดียวนางก็คล้ายกับคิดตก สีหน้ากลับมาผ่อนคลายอีกครา “โชคดีที่ดวงชะตาของผู้น้อยไม่เลว นายหญิงยังพอมองเห็นความสามารถเล็กๆ น้อยๆ นี้ของผู้น้อย วันหน้าหากผู้น้อยช่วยนายหญิงแผ้วถางกิจการเหล่านี้ได้สำเร็จ อนาคตในภายภาคหน้าย่อมมิน่าเบื่อหน่าย ตรงกันข้ามอาจกลับกลายเป็นดีขึ้น”
พอเห็นใบหน้ายิ้มแย้มราวกับไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นของอีกฝ่ายเช่นนั้น เฉินอิ๋งก็หัวคิ้วกระตุก นางหันไปส่งสายตาให้กับหลัวมามา