ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 236-237 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 236-237

บทที่ 237 ผู้รับเหมารายใหญ่

“ช่างเถอะ มามารีบเรียกแม่ทัพหลางเข้ามาเถิด” พอเห็นหลัวมามานิ่งเงียบไม่พูดอันใด เฉินอิ๋งก็ยิ้มเอ่ยปากเตือน

หลัวมามาได้สติ นางรีบขานรับและเรียกบ่าวตัวน้อยให้เข้ามารับคำสั่ง ส่วนนางเองก็คอยยืนรับใช้อยู่อีกด้าน

เฉินอิ๋งอาศัยจังหวะขณะกำลังว่างกวาดตามองไปรอบๆ ความรู้สึกปลาบปลื้มเอ่อท้นไปทั้งใจ

อากาศอบอุ่นขึ้นทีละน้อย หิมะน้ำแข็งบนพื้นเริ่มละลาย สำนักศึกษาสตรีเฉวียนเฉิงกับสถานพำนักเด็กและสตรียามนี้กำลังก่อสร้างอย่างขมีขมัน ทุกอย่างล้วนดำเนินไปอย่างราบรื่น

งานนี้เผยซู่ทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่ ท่าทีขององค์รัชทายาทหรือก็เป็นไปด้วยความกระตือรือร้น แม้แต่ฮ่องเต้หยวนจยาเองก็ได้ยินว่าทรงเห็นพ้องกับการนี้ด้วยเช่นกัน เฉินอิ๋งเพลานี้เท่ากับมีป้ายผ่านที่แข็งแกร่งที่สุดในราชสำนักต้าฉู่แล้ว ต่อจากนี้ไม่ว่าจะซื้อที่ดิน ซื้อไม้ ซื้อหิน รวมถึงคนงานย่อมล้วนสามารถดำเนินไปตามแผนการที่วางไว้ก่อนหน้า คนงานที่เฉินอิ๋งว่าจ้างมาล้วนแต่เป็นชาวบ้านอพยพจากทางเติงโจว นับตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงยามนี้ พวกชาวบ้านอพยพที่มาพำนักอยู่ในสำนักศึกษาสตรีเฉวียนเฉิงมีจำนวนเกินกว่าร้อยคนแล้ว ในจำนวนนี้มีหกส่วนเป็นแรงงานที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว สี่ส่วนที่เหลือเป็นแรงงานที่คนในครอบครัวล้มตายหายสาบสูญหรือไม่ก็เป็นแรงงานเด็กและสตรีกำพร้าอ่อนแอ ซึ่งคนเหล่านี้ยามนี้ครึ่งหนึ่งเป็นพวกลูกมือ อีกครึ่งพำนักอยู่ในสำนักศึกษาสตรีเฉยๆ เรียกได้ว่าเป็นการช่วยองค์รัชทายาทแก้ไขปัญหายุ่งยากส่วนหนึ่ง

“นี่คือจดหมายที่นายท่านของผู้น้อยฝากมาถึงท่าน” เสียงของหลางถิงอวี้ดังขึ้น ดึงสติของเฉินอิ๋งกลับ

ยามนี้แม่ทัพเตี้ยล่ำผู้นี้กำลังยืนห่างออกไปไม่ไกลสักเท่าใดนัก มือทั้งสองข้างประคองจดหมายฉบับหนึ่ง ตัวอักษรที่เขียนอยู่ด้านบนเป็นลายมือของเผยซู่

หลัวมามาขยับเท้าเดินขึ้นหน้าเข้าไปรับ ก่อนจะมอบมันต่อให้กับเฉินอิ๋ง ขวางมิให้คุณหนูของตนวางตัวใกล้ชิดกับบุรุษอื่นโดยตรง

หลางถิงอวี้ไม่ได้รู้สึกอันใดกับเรื่องดังกล่าว หากกลับเป็นเฉินอิ๋งเสียเองที่มองดูหลัวมามาด้วยสีหน้าจนใจ แต่ถึงกระนั้นนางก็มิได้พูดอันใดออกมา

เรื่องสร้างสำนักศึกษาสตรียามนี้เป็นที่รับรู้กันทั่วแล้ว หลี่เหิงกับหลี่ซื่อเองก็มิเคยก้าวก่ายอันใด ในเมื่อเรื่องนี้องค์รัชทายาททรงออกหน้าร่วม แม้แต่ซือถูฮองเฮาเองก็ยังพระราชทานเงินทองผ้าผืนมาให้ แล้วผู้ใดเล่าจะกล้ายับยั้งห้ามปราม เมื่อไม่มีการขัดขวางจากเหล่าผู้อาวุโส…อย่างน้อยก็ในเวลานี้ เฉินอิ๋งย่อมพึงพอใจยิ่งนัก เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้นางจึงหาได้ใส่ใจไม่

หลังอ่านจดหมายจากเผยซู่จบ เฉินอิ๋งก็เลิกคิ้วมองไปทางหลางถิงอวี้พลางถาม “อีกสองสามวันท่านโหวน้อยจะมาซานตงอีกครั้ง?”

“ขอรับ” หลางถิงอวี้ประสานมือตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ทางเติงโจวเกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย ท่านโหวน้อยของพวกเราได้รับคำสั่งให้แวะมาดูสถานการณ์”

“เกิดเรื่องอันใดขึ้น” เฉินอิ๋งถามก่อนจะยิ้มกล่าวออกมาอีกครั้ง “หากไม่สะดวกจะเล่าก็ช่างเถอะ ท่านโหวน้อยเองก็ไม่ได้เขียนไว้ในจดหมาย ข้าถามเพียงเพราะอยากรู้เท่านั้น”

สีหน้าของหลางถิงอวี้เคร่งขรึมหนักขึ้นไปอีก “ตอนผู้น้อยออกจากเซิ่งจิง ท่านโหวน้อยเองก็ไม่ทราบรายละเอียดอันใดนัก เพียงแต่ตอนผู้น้อยออกจากเติงโจวมาเมื่อหลายวันก่อน เรื่องนี้กลับแพร่กระจายไปทั่วแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานคุณหนูสามก็คงได้ยินข่าวเช่นกัน”

ตอนพูดเขาถอนหายใจเบาๆ ออกมาคราหนึ่ง “ในค่ายผู้อพยพที่เติงโจวเกิดไฟไหม้ มีคนตายไม่ใช่น้อย”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินอิ๋งแข็งทื่อไปทันที

ค่ายผู้อพยพนั่นองค์รัชทายาททรงลงมือควบคุมดูแลการก่อสร้างด้วยพระองค์เอง ยามนี้เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ มิน่าเผยซู่ถึงต้องรีบรุดไปดู

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยปากถาม “เกิดไฟไหม้ขึ้นได้เช่นไร แม่ทัพหลางพอจะเล่ารายละเอียดให้ข้าฟังได้หรือไม่”

หลางถิงอวี้ส่ายหน้า สีหน้าซึมเซาลง “ที่ผู้น้อยรู้ก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ชาวบ้านที่ถูกไฟคลอกตายพวกนั้นล้วนพักอยู่ในเรือนเดียวกัน ได้ยินขุนนางชั้นผู้น้อยที่ดูแลค่ายผู้อพยพนั่นบอกว่าคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นล้มตายกันแทบหมดสิ้น เฮ้อ…”

เขาส่ายหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเวทนา ก่อนจะไม่พูดอันใดอีก

อารมณ์ของเฉินอิ๋งหนักอึ้งขึ้นมาทันที หลังจากนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ นางก็ถอนหายใจกล่าว “ภัยธรรมชาติผนวกกับภัยพิบัติจากฝีมือมนุษย์ เด็กและคนชราเหล่านั้นยามนี้คงไปชุมนุมอยู่ด้วยกันยังอีกภพแล้ว”

ผู้อพยพพวกนั้นเร่ร่อนพลัดที่นาคาที่อยู่ก็ด้วยเพราะความอดอยาก หลังมาถึงเติงโจวกลับถูกคนควบคุมจนสูญสิ้นอิสรภาพ กว่าจะมีความหวังขึ้นมาได้ก็ไม่ใช่ง่าย ใครจะไปนึกว่าจะถูกพระเพลิงพรากชีวิตไปอีก ถึงจะเกิดในยุคสมัยที่เจริญรุ่งเรือง แต่ชีวิตกลับต่ำต้อยและต้องตายอนาถ ชะตาชีวิตเช่นนี้ชวนให้คนนึกทอดถอนใจยิ่งนัก

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com