ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 238-240 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 238-240

บทที่ 239 ได้รับการนิรโทษกรรมแล้ว?

เฉินอิ๋งตะลึงมองเยี่ยชิง เห็นนางในชุดหมั่งเผาสีแดงสด ผมถูกรวบมัดไว้ด้วยหมวกหนัง สายคาดเอวหนังพันรัดอยู่บนเอว มีดาบยาวเล่มหนึ่งเหน็บติดอยู่ แส้เหล็กคู่นั้นไม่รู้ถูกเก็บซ่อนไว้ที่ใด

นั่นเป็น…ชุดมาตรฐานของทหารองครักษ์

เฉินอิ๋งตะลึงลาน

เยี่ยชิงเปลี่ยนมากินข้าวสารของทางการแล้ว?

สตรีสามารถเข้าไปเป็นองครักษ์วังหลวงได้ด้วยกระนั้นหรือ

พอเห็นเฉินอิ๋งจำคนที่มาด้วยได้เช่นนั้น หลางถิงอวี้ก็ยิ้มประสานมือกล่าว “คุณหนูสามสายตาเฉียบคมยิ่งนัก มองเพียงปราดเดียวก็รู้แล้วว่านั่นคือเยี่ย…ผู้บัญชาการเยี่ย”

ผู้บัญชาการเยี่ย?

เยี่ยชิงกินข้าวสารของทางการจริงๆ

เฉินอิ๋งเบิกตากว้างมองดูเยี่ยชิง ไม่แม้แต่จะคิดปิดบังอำพรางความรู้สึกประหลาดใจและกระหายใคร่รู้ในดวงตา

“ข้าเสนอตนเอง” ราวกับกลัวว่าเฉินอิ๋งจะถามต่อ เยี่ยชิงรีบตอบเสริมออกมาอีกประโยค

หลางถิงอวี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ช่วยอธิบาย “ผู้บัญชาการเยี่ยได้ยินข่าวเรื่องคุณหนูสามสร้างสำนักศึกษาสตรีจึงบอกว่าต้องการมา นายท่านของพวกเราบอกว่าที่นี่ไม่รับคนในยุทธภพ ผู้บัญชาการเยี่ยจึงยินดี…เรียกว่าอะไรนะ…รับนิรโทษกรรมหรือ”

พูดถึงตรงนี้เขาก็หดคอลงโดยไม่รู้ตัว

ที่อยู่ทางด้านหลัง สายตาของเยี่ยชิงกำลังกวาดอยู่บนลำคอที่หนาพอๆ กับหัวของเขา สีหน้าร้างไร้ความรู้สึก มีเพียงสายตาเท่านั้นที่เย็นชาอยู่ ‘เล็กน้อย’

หลางถิงอวี้คลำหลังคอพลางกลืนน้ำลาย เขารู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าแผ่นหลังเย็นยะเยือกอยู่เล็กๆ จนอดชักเท้าขยับถอยไปทางด้านข้างสองก้าวไม่ได้ ก่อนจะพูดต่อว่า “เอ่อ…ที่ผู้บัญชาการเยี่ยนำมาด้วยคือจดหมายของนายท่าน”

เขาไม่ได้เล่ารายละเอียดว่าเหตุใดเยี่ยชิงถึงมาล่าช้ากว่า คาดว่าคงเพราะกลัวถูกสายตาเย็นเยียบคู่นั้นกวาดมอง หลังพูดจบหลางถิงอวี้ก็ถอยออกไปยืนอยู่ทางด้านหลัง

เยี่ยชิงเดินขึ้นหน้า ยื่นส่งจดหมาย ก่อนจะหันหลังและก้าวเท้าออกเดิน

การเคลื่อนไหวทั้งหมดเป็นไปอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว ระหว่างทางไม่มีหยุดชะงัก

อีกฝ่ายเดินไกลออกไปทุกขณะ เฉินอิ๋งถือจดหมาย ในใจรู้สึกฉงนสนเท่ห์ยิ่ง

ไปกันดื้อๆ เช่นนี้?

ที่นางพูดมาทั้งหมดหน้าหลังรวมกันก็แค่หกเจ็ดตัวอักษรเท่านั้น หนำซ้ำยังไม่ได้เล่าถึงสถานการณ์อันใดให้กระจ่าง ไม่แม้แต่จะบอกว่าพวกเขาเตรียมการให้นางเช่นไร จู่ๆ ก็จากไปแล้วเช่นนี้

“ท่านจะไปที่ใด!” กว่าจะกลับมาได้สติก็ไม่ใช่ง่าย เฉินอิ๋งรีบตะโกนถาม

“เดินดูรอบๆ” เยี่ยชิงตอบอย่างประหยัดถ้อยประหยัดคำยิ่ง นางก้าวเท้ายาวๆ เดินขึ้นหน้า จังหวะการย่างก้าวคล้ายเป็นปกติ ทว่าทุกฝีก้าวกลับยาวกว่าคนทั่วไป เพียงไม่กี่ทีก็เดินลับหายไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว

หลางถิงอวี้เองก็มองตาค้าง หลังจากตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ยกมือขึ้นเกาหัว ยิ้มแหยเอ่ย “ผู้บัญชาการเยี่ย…ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา”

“ข้าเข้าใจ” เฉินอิ๋งพยักหน้าเห็นด้วย

ไม่เพียงแต่พูดน้อย หากยังเกลียดการถูกถามด้วย

เพียงแต่ถ้าว่ากันตามนี้ เฉินอิ๋งรู้สึกว่าตนเองคล้ายมีความสามารถยิ่งยวดประการหนึ่ง อย่างสามารถใช้คำพูดบีบบังคับผู้แข็งแกร่งให้ล่าถอยได้

เฉินอิ๋งยิ้มส่ายศีรษะโยนความคิดอ่านจุกจิกหยุมหยิมพวกนั้นทิ้งออกจากสมอง ก่อนจะเปิดจดหมายออกอ่าน พบว่าเผยซู่เขียนมาแค่เพียงสั้นๆ บอกว่าเขาได้มอบหมายให้เยี่ยชิงเป็นสตรีอารักขาเพียงในนาม ไม่ได้ให้นางรับผิดชอบทำงานเป็นองครักษ์วังหลวงแต่อย่างใด วันหน้านางคือผู้บัญชาการสตรีอารักขาของสำนักศึกษาสตรี มีกองกำลังเล็กๆ กลุ่มหนึ่งอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา จำนวนคนไม่เกินสิบคน เงินเดือนของคนพวกนี้ให้เฉินอิ๋งเป็นคนจัดการ ทางการจะรับผิดชอบเรื่องสวัสดิการบางส่วนให้

พูดให้ชัดเจนก็คือสตรีอารักขาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นชาวยุทธ์ที่เยี่ยชิงคัดสรรมาโดยมีเผยซู่เป็นคนพยักหน้าเห็นชอบ ยิ่งไปกว่านั้นทั้งหมดล้วนเป็นสตรี

ฮ่องเต้หยวนจยาไม่ได้ดีแต่พูดเท่านั้น ดูท่าตราของทางราชสำนักครึ่งหนึ่งที่ตีอยู่บนสำนักศึกษาสตรีเฉวียนเฉิงคือการลงทุนทั้งหลายทั้งปวงของพระองค์ อีกทั้งยังสามารถเก็บกลับได้ด้วย

เฉินอิ๋งทอดถอนใจพลางพับเก็บจดหมาย

ฮ่องเต้ผู้ปราดเปรื่องย่อมต้องตระหนี่ถี่เหนียวบ้างเป็นธรรมดา…

ทว่าครั้นคิดดูอีกทีนางก็รู้สึกว่าอันที่จริงเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ขอเพียงเบื้องบนไม่ขัดขวางการก่อสร้าง เช่นนี้ก็นับว่าเป็นการสนับสนุนใหญ่หลวงแล้ว แล้วยังมีเหตุผลใดที่นางต้องอยากได้คืบจะเอาศอกอีก

หลังพาเยี่ยชิงมาถึงสำนักศึกษาสตรี ภารกิจของหลางถิงอวี้ก็เป็นอันสิ้นสุด เขาเอ่ยปากขอตัวลา

เฉินอิ๋งเองก็ไปหาหลี่ซื่อ ดูนั่นดูนี่ในลานเรือนอยู่เป็นเพื่อนนาง ครั้นจัดการกับเรื่องที่ควรจัดการเป็นที่เรียบร้อย พวกนางสองแม่ลูกก็กลับบ้านไม่พูดอันใดอีก

 

หลังช่วงจิงเจ๋อ* ผ่านพ้น ต้นไม้ใบหญ้าฟื้นคืนชีพขึ้นอีกครั้ง สภาพอากาศอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ บรรดาขุนนางสูงศักดิ์ในจี่หนานก็เริ่มกลับมามีชีวิตชีวากันอีกครั้ง

หนีซื่อได้รับเทียบเชิญเป็นจำนวนไม่น้อย ล้วนแต่เป็นงานเลี้ยงรับวสันต์ หลังจากครุ่นคิดแล้วครุ่นคิดอีก ในที่สุดหนีซื่อก็เลือกงานเลี้ยงรับวสันต์จวนจงหย่งป๋อ ถือเป็นการเปิดตัวบรรดาคุณหนูที่ยังไม่ออกเรือนอย่างพวกเฉินอิ๋งท่ามกลางแวดวงชนชั้นสูงของจี่หนาน

ทุกอย่างล้วนดำเนินไปอย่างราบรื่น เฉินอิ๋งตื่นขึ้นมาฝึกกิจวัตรก่อนล่วงหน้าครึ่งชั่วยาม ขณะกำลังเตรียมเก็บงาน นางก็สังเกตเห็นสวินเจินรีบร้อนเดินตรงเข้ามา

“คุณหนู หากเรียบร้อยแล้วคุณหนูก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด เวลาไม่เช้าแล้วเจ้าค่ะ”

ที่ตามอยู่ด้านหลังของสวินเจินราวกับหางน้อยๆ นั่นคือต้าจ้วน ที่อยู่ในมือต้าจ้วนคืออาภรณ์สีเขียวต้นหอมที่ตัดเย็บขึ้นใหม่ นางกำลังมองดูเฉินอิ๋งด้วยสายตากระวนกระวาย

เฉินอิ๋งเช็ดเหงื่อหันหลังเดินกลับไปพลางกล่าว “นี่เพิ่งจะยามใด เหตุใดต้องรีบร้อนถึงเพียงนั้นด้วย”

สวินเจินกลับร้อนรนยิ่ง “สองวันนี้คุณหนูสูงขึ้นอีกแล้ว ขอบกระโปรงยังไม่ได้เย็บเก็บเรียบร้อย จำต้องวัดตัวก่อน คุณหนูรีบหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”

ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ทุกสรรพสิ่งล้วนเติบโต เฉินอิ๋งเองก็เริ่มอรชรอ้อนแอ้น ช่วงนี้นางเหมือนจะโตไวขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมานางก็ไม่ชักช้าโอ้เอ้อีก รีบเดินกลับไปในห้อง ก่อนจะเห็นจือสือกับช่างเย็บผ้ารออยู่ด้านในแล้ว บนเตียงมีกระโปรงวางอยู่สองสามตัว มีทั้งสีส้มหม่น สีฟ้าสดใส ยังมีสีม่วงครามอยู่อีกตัว

“ต้องลองทั้งหมดนี่หรือ” เฉินอิ๋งยื่นผ้าซับเหงื่อให้กับจือสือพลางถาม

หลัวมามารู้จักนิสัยของนางจึงยิ้มกล่าว “คุณหนู นี่เป็นครั้งแรกที่พวกคุณหนูจะออกไปเป็นแขกข้างนอก ท่านป้าสะใภ้ของคุณหนูบอกว่าต้องแต่งกายให้เรียบร้อยสักหน่อย ประเดี๋ยวคุณหนูแต่งตัวเสร็จแล้ว นางยังจะมาตรวจดูเองอีกรอบหนึ่ง หากไม่เป็นที่พอใจ คุณหนูยังจะต้องเปลี่ยนอีก”

เฉินอิ๋งส่งเสียง “อืม” ออกมาคราหนึ่ง พูดอย่างจนใจว่า “ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็ลองกันเถอะ”

หลังจากนั้นทุกอย่างก็ชุลมุนวุ่นวายไปหมด

ผ่านไปครู่ใหญ่ในที่สุดเสื้อผ้าอาภรณ์ตัดใหม่นั่นก็จัดการเป็นที่เรียบร้อย ผมเผ้าหรือก็จัดแต่งพร้อมสรรพ เฉินอิ๋งมาถึงยังเรือนประธานให้หนีซื่อตรวจดูความเรียบร้อยอีกคราว

ครั้นเห็นนางสวมเสื้อแพรปักลายสีฟ้าอ่อน กระโปรงไหมปักลายสีฟ้าสดใส กุ๊นขอบสีเดียวกัน ปิ่นทองประดับอยู่ข้างจอนผม ยามขยับกายเครื่องประดับส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง หนีซื่อก็พึงพอใจอย่างยิ่งยวด นางพยักหน้ายิ้ม “วันนี้เจ้าแลดูงดงามสะดุดตาจริงๆ สีนี้ขับดุนส่งเสริมใบหน้าเจ้ายิ่งนัก”

ไม่ผิดอย่างที่หนีซื่อกล่าว เฉินอิ๋งแม้จะรูปร่างหน้าตามิได้งดงามโดดเด่น แต่ก็แลดูสะอาดสะอ้านยิ่ง สวมใส่เสื้อผ้าโทนเย็นเช่นนี้นับว่าเหมาะสมมาก

เฉินอิ๋งยิ้มกล่าว “พวกหลัวมามาเลือกกันอยู่เป็นนาน ท่านป้าสะใภ้พอใจเช่นนี้ย่อมดียิ่งเจ้าค่ะ”

หลังจากนั้นไม่นานหลี่ซีกับเฉินเซียงสองพี่น้องก็มาถึง เพราะเสื้อผ้าของเฉินเซียงกับหลี่ซีสีเดียวกัน หนีซื่อจึงสั่งให้หลี่ซีกลับไปเปลี่ยนชุดใหม่ กว่าจะออกเดินทางได้เวลาก็ไม่เช้าแล้ว

ตอนรถม้าแล่นเข้าไปในจวนจงหย่งป๋อ หลี่ซีทอดสายตาดูทัศนียภาพภายในสวนพลางส่ายหน้าถอนหายใจพูดออกมาสองประโยค “แม้จะบอกว่าเป็นงานเลี้ยงรับวสันต์ แต่ยามนี้อันที่จริงต้องบอกว่าออกจะเร็วเกินไปอยู่สักหน่อย ดอกไม้ยังไม่ทันได้บานเสียด้วยซ้ำ”

จงหย่งป๋อเดิมคือจงหย่งโหว ทว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนบุกเบิกราชสำนักต้าฉู่แล้ว ยามนี้หลังสืบทอดต่อกันมาหลายต่อหลายรุ่น บรรดาศักดิ์ของพวกเขาก็ลดลงขั้นหนึ่ง

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 87-88

    By

    บทที่ 87 ข้อห้าม กู้หมิงเค่อถูกหลี่เจาเกอยั่วโมโหจากไปแล้ว นางอมยิ้มรับช่วงหลักฐาน เอ่ยกับผู้ใต้บัญชาที่ติดตามนางมา “จงขนสิ่งเหล่านี้กลับกอง...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

    By

    บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่าดำออกจากหมู่บ้านมาก็...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 สังหารภูต   หลี่เจาเกอกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ นิ้วมือวางบนด้ามกระบี่ ท่ามกลางหมู่ใบไม้แว่วเสียงความเคลื่อนไหวดังแซกซ่า เงาดำสายหนึ่งพลัน...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทที่ 2.4-2.6

    By

    บทที่ 2-4 สามีภรรยาปลอม   6   บนหอทองล่วงเข้ากลางคืนแล้ว รอบด้านล้วนจุดโคมไฟ เปลวไฟลุกโชติช่วง ในมุมที่ซย่าชิงยวนนั่งอยู่นางสามารถมองเห็นสัน...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเร้น ภายใต้ผืนนภาราตร...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทที่ 2.1-2.3

    By

    บทที่ 2-1 สามีภรรยาปลอม   1   เมื่อลู่หย่วนเดินมาถึงหน้าประตูก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ผลักประตูเปิดออก สิ่งที่ทำให้เขาสติหลุดล...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญู เบื้องหน้าท้องพระโ...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com