เซี่ยซูจึงเอ่ยว่า “ข้ากับอู่หลิงอ๋องกลับไม่เหมือนกัน ข้าชอบเรื่องสนุกรื่นเริงใจ จึงว่าจะเชิญทุกท่านไปชุมนุมที่ไคว่จีเพื่อหาเรื่องสนุกทำกัน ไม่ทราบว่าอู่หลิงอ๋องมีใจอยากจะไปด้วยกันหรือไม่”
เว่ยอี้จือยังไม่รีบร้อนตอบรับ เขาเพียงเปิดไหสุราแล้วรินใส่จนเต็มจอก ก่อนจะพูดว่า “หากไปก็เกรงว่าจะทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัยน่ะสิ”
เซี่ยซูกลั้นขำไม่ไหวจนหลุดหัวเราะออกมา “ท่านก็แอบทำเรื่องให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัยมากมายเพียงนั้นอยู่แล้ว ยังจะใส่ใจทำไมหากต้องทำอีกสักเรื่อง”
เว่ยอี้จือเงยหน้าขึ้น เขามีสีหน้าประหลาดใจ “ข้าเคยทำอะไรเช่นนั้นด้วยหรือ”
เซี่ยซูยกมุมปากขึ้น นี่มันหมายความว่าอะไร จะทำการแบ่งเราแบ่งเขา แสดงท่าทีว่าอย่างไรก็ไม่ร่วมเดินทางสายเดียวกับข้าอย่างนั้นหรือ
“ช่างเถอะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่ทำให้ลำบากใจหรอก” เว่ยอี้จือช่วยนางไว้ นางก็คิดตอบแทนด้วยน้ำใจแล้ว หากเขาไม่อยากรับก็ช่างเถอะ
แต่เรื่องนี้ก็ทำให้นางหมดอารมณ์ดื่มสุราแล้ว…
ทั้งที่ได้พบกันเป็นการส่วนตัวแท้ๆ ทว่ากลับเกิดเรื่องขัดใจกันเสียอย่างนั้น ยามนี้เซี่ยซูไม่อาจบรรลุจุดประสงค์ที่มาได้ จึงไม่มีอารมณ์มานั่งชมทิวทัศน์อะไรอีก
เซี่ยซูครุ่นคิดระหว่างเดินทางกลับ นี่จะเป็นครั้งแรกที่นางเป็นผู้จัดงานชุมนุมของชนชั้นสูง ทว่าสกุลเว่ยกลับไม่ไว้หน้ากันเช่นนี้ ไม่รู้ว่าพวกสกุลอื่นๆ จะพากันทำตามด้วยหรือไม่
หวังว่าเซี่ยหร่านจะพยายามให้มากหน่อย!
เพราะเรื่องนี้มู่ไป๋จึงคิดว่าเว่ยอี้จือต้องเป็นพวกใจคอคับแคบอย่างแน่นอน “ต้องปฏิเสธเช่นนี้เชียวหรือ นี่ต้องเป็นเพราะเขามัวแต่วนเวียนครุ่นคิดอยู่แต่เรื่องเศร้าเป็นแน่ เขาจึงหาภรรยาดีๆ ไม่ได้เสียที ช่างเป็นคนใจแคบจริงๆ!”
เซี่ยซูฟังแล้วก็หัวเราะ นางไม่รู้สึกเศร้าหมองถึงเพียงนั้นแล้ว
เซี่ยซูคาดไว้แล้วว่าข่าวที่ทุกคนพากันหนีไม่มางานชุมนุมคงจะทราบไปถึงหูของฝ่าบาท ตอนเข้าเฝ้ายามเช้านางต้องถูกกล่าวถึงให้เป็นที่ขบขันแน่นอน
ตอนเข้าเฝ้าก็เห็นเป็นจริง เซี่ยซูไม่ได้ปฏิเสธอะไร นางเพียงแค่หัวเราะเท่านั้น อย่างไรเสียนางก็ไม่ได้มีเจตนาจะจัดงานขึ้นเพื่อความสำราญเพียงอย่างเดียวอยู่แล้ว แต่ต้องการจะใช้เรื่องนี้ค้ำจุนอำนาจของสกุลเซี่ยไว้ต่างหาก หากฮ่องเต้จะหวาดกลัว ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ทว่านี่เป็นงานฉลองใหญ่ของพวกชนชั้นสูงที่จัดต่อเนื่องมาหลายปี แม้ฮ่องเต้จะไม่ยินดีเพียงใดก็ไม่อาจเอ่ยอะไรมากเกินไปได้ ถือเสียว่าพระองค์ได้ส่งสัญญาณเตือนไปแล้วก็พอ ตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีขุนนางออกมาจากแถว ต้องการจะฟ้องร้องกล่าวโทษอู่หลิงอ๋องที่ลอบล่าสัตว์ในอุทยานเล่อโหยวเป็นการส่วนตัว
ฮ่องเต้คิดว่าพระองค์ได้ยินผิดไป จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “เจ้าจะฟ้องร้องกล่าวโทษผู้ใดกัน”
“ทูลฝ่าบาท เป็นอู่หลิงอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ตกใจยิ่ง เซี่ยซูเองก็ตกใจ ขุนนางทั้งบู๊และบุ๋นทั่วราชสำนักก็ล้วนตกใจไปด้วย
มีวันที่อู่หลิงอ๋องถูกฟ้องร้องกล่าวโทษด้วยหรือนี่!