ทุกคนต่างร้องชมท่านผู้อาวุโสทันทีว่าช่างเป็นคนดีนัก แม้เป็นเซียนก็ยังไม่ลืมผู้อื่น
ลู่ซีฮ่วนไม่นึกอยากจะไว้หน้าพวกสามานย์เหล่านี้อยู่แล้ว เขาจึงปฏิเสธไม่ขอร่วมด้วย แม้หวังจิ้งจือจะไม่นึกอยากเป็นเซียน แต่เขาตั้งตัวเป็นศิษย์นิกายเทียนซือเต้าแล้ว จึงขอไว้เม็ดหนึ่ง คนที่เหลือต่างได้รับแบ่งสันปันส่วนกันไป หวนถิงมีความสามารถมาก หลังกินยาลูกกลอนเข้าไปสองเม็ดแล้วยังซดเหล้าลงไปอีกชามหนึ่ง ไม่นานเขาก็หน้าแดงก่ำ ผิวหน้าอิ่มจนเนียนตึง ทั้งยังดึงคอเสื้อให้คลายออกด้วย
มีเพียงสองคนที่แม้จะรู้สึกขอบคุณความเอื้ออารีนี้แต่ก็ไม่ได้กิน หนึ่งคือเซี่ยซู และอีกหนึ่งคือเว่ยอี้จือ
เซี่ยซูไม่กินนั้นพอจะเข้าใจได้ เนื่องจากบิดาของนางตายไปเพราะเจ้าสิ่งนี้ เซี่ยหมิงกวงเคยกำชับกับนางเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าสิ่งอื่นล้วนกินได้ แต่ห้ามกินผงห้าศิลาเป็นอันขาด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านางเคยได้ยินมาว่าของสิ่งนี้กินแล้วร่างกายจะร้อนผ่าวจนต้องคลายเสื้อจนหลุดลุ่ยจึงค่อยสบายตัวขึ้น นางย่อมไม่กล้ากินอยู่แล้ว นอกเสียจากว่าอยากจะตายเท่านั้น
ส่วนเว่ยอี้จือนั้นเหตุใดจึงไม่กินนางก็ไม่รู้ อาจเป็นเพราะไม่ถูกปากกระมัง
ทุกคนกินดื่มจนเต็มคราบ เล่นสนุกกันจนหนำใจแล้ว เซี่ยซูจึงโบกพัดแล้วกล่าว ในนั้นย่อมต้องมีการสรรเสริญเยินยอฮ่องเต้และชื่นชมเหล่าตระกูลชั้นสูงทั้งหลาย ทั้งต้องกล่าวยืนยันถึงความมุ่งมั่นบากบั่นของสกุลเซี่ย จากนั้นนางก็เริ่มถกกับทุกคนในเรื่องกิจสำคัญของแผ่นดิน
เดิมทีการเดินทางมาที่นี้ก็เพื่อพูดคุยถกเถียงถึงกิจสำคัญของแผ่นดิน กลับไปแล้วก็จะถวายรายงานต่อฮ่องเต้อย่างละเอียด แจ้งต่อท่านอาวุโสผู้นั้นว่าทุกคนต่างมีใจจงรักภักดีและทำเพื่อแผ่นดินจริงๆ ดังนั้นนี่จึงเป็นภารกิจที่สำคัญยิ่ง ยิ่งกว่านั้นเซี่ยซูยังจะได้ใช้โอกาสนี้รับฟังแนวคิดทางการเมืองของทุกคนด้วย
ทว่าทุกคนในยามนี้ราวกับกำลังไต่ขึ้นชั้นเมฆ อารมณ์เคลิบเคลิ้ม พูดคุยอะไรไปก็บอกแต่ว่า…ดีๆๆ อัครเสนาบดีกล่าวได้ดียิ่งแล้ว!
ส่วนแนวคิดทางการเมืองนั้น…ก็คือไม่มีความเห็นนั่นเอง
เซี่ยซูทอดถอนใจ ท่านผู้เฒ่าเซี่ยกล่าวไว้ไม่ผิดเลย ห้ามกินผงห้าศิลาเป็นอันขาด!
เวลานี้เว่ยอี้จือก็หันไปจับจ้องจอกสุราที่ลู่ซีฮ่วนซึ่งนั่งข้างๆ เซี่ยซูถือเล่นอยู่ในมือ เขาเห็นอีกฝ่ายทอดสายตามองไกลออกไป คอยหันมามองเซี่ยซูเป็นครั้งคราว และหันมองหวังจิ้งจือไปด้วย ราวกับกำลังวางแผนจะทำอะไรสักอย่าง
สายตาเยี่ยงนี้สำหรับคนที่ผ่านสมรภูมิมาแล้วย่อมไม่นึกแปลกใจอะไร ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้น “ทุกคนเชิญพูดคุยกันตามสบาย ข้าคงต้องขอตัวลาไปก่อน”
เซี่ยซูมองตามไปด้วยสายตาประหลาดใจ ก็พอดีสบตาเว่ยอี้จือเข้า ทว่าเขาก็รีบเบือนหน้าหลบ เพียงหันมองลู่ซีฮ่วนแวบหนึ่งแล้วสะบัดชายแขนเสื้อจากไป
ทุกคนถึงค่อยได้สติคืนมาจากอาการเคลิบเคลิ้มใกล้เป็นเซียนมากกว่าครึ่ง
ฝูเสวียนคอยอยู่ข้างรถม้า เมื่อเห็นเว่ยอี้จือเดินออกมาคนเดียวก็นึกแปลกใจ
“จวิ้นอ๋องออกจากงานเลี้ยงก่อนเวลาหรือขอรับ”
เว่ยอี้จือโบกมือให้เขาเงียบปาก แล้วเรียกมากระซิบสั่งการอย่างละเอียด
ฝูเสวียนรับคำสั่งแล้วจากไป ไม่ช้าก็กลับมารายงานว่า “มีคนแอบซุ่มอยู่ที่นี่จริงๆ ขอรับ มีกว่าร้อยคนทีเดียว”
เว่ยอี้จือพยักหน้า เขาขึ้นรถม้าแล้วออกคำสั่ง “ไปกันเถอะ”