ฝนตกชุกในคิมหันตฤดู หลังเสียงสายฟ้าฟาดดังแว่ว ฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา
คนของจวนอัครเสนาบดีใช้แส้ฟาดม้าห้อตะบึงไปยังประตูเมือง กีบเท้าม้าย่ำน้ำจนสาดกระเซ็นไปทั่ว คนเดินถนนหลบกันวุ่นวาย คิดว่าเกิดเรื่องใหญ่จำพวกว่ามีคนก่อกบฏขึ้นมาหรืออย่างไร
ทางไปประตูเมืองทิศตะวันออกต้องผ่านคลองขุดชิงซี เว่ยอี้จือเพิ่งไปถึงจวน ยามที่เขากำลังจะลงจากรถก็เห็นมู่ไป๋ห้อตะบึงฝ่าสายฝนนำคนกลุ่มหนึ่งไปข้างหน้า
“ฝูเสวียน ตามไปดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น”
เซี่ยซูนั่งลงในห้องหนังสือ มองดูเขี้ยวซี่นั้น
หากเซี่ยหร่านกำจัดเขาไปแล้ว คงไม่มีผลพวงในทางร้ายตามมา เซี่ยหมิงกวงสั่งสอนนางมาเนิ่นนานแล้ว นางกลับยังเรียนไม่ทะลุปรุโปร่ง
แต่บุญคุณข้าวสารครึ่งถุงที่ช่วยชีวิตไว้ในตอนนั้น ไม่สมควรจะเพิกเฉยทำเป็นไม่สนใจ นางจะถึงขั้นทรยศน้ำใจเขาด้วยการคิดฆ่าเขาอีกหรือ
เซี่ยซูหยิบกระดาษมากางออก หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนฎีกา
เว่ยอี้จือถือม้วนหนังสือนั่งอยู่ภายใต้แสงตะเกียง ฝูเสวียนเข้ามากระซิบสองสามคำที่ข้างหู เขาก็วางหนังสือลงแล้วถามว่า “เจ้าเห็นชัดเจนหรือ”
“ขอรับ คุณชายหร่านพานักดนตรีผู้นั้นออกนอกเมือง แน่ชัดว่าเป็นการส่งเขาออกไปเพื่อรักษาชื่อเสียงของท่านอัครเสนาบดี แต่ท่านอัครเสนาบดีกลับจริงจังกับเขาถึงเพียงนี้ เกรงว่าที่เล่าลือกันข้างนอกน่าจะเป็นความจริงขอรับ”
เว่ยอี้จือยิ้ม เขาไม่เคยเชื่อข่าวลือ เชื่อแต่เรื่องจริงมากกว่า
“เจ้าไปแจ้งกับท่านอัครเสนาบดีว่างานวันเกิดแม่ข้าจวนจะมาถึงแล้ว นักดนตรีของจวนยังขาดคนตีจู้ ข้าจึงอยากจะขอยืมตัวนักดนตรีผู้นั้นให้มาที่จวนเพื่อร่วมบรรเลงเพลงมงคลเสียหน่อย”
สองปีก่อนแคว้นถู่อวี้หุนรุกรานชายแดนแคว้นจิ้น เว่ยอี้จือกรีธาทัพออกรบจนศัตรูล่าถอยไป สร้างบารมีจนแคว้นจิ้นเป็นที่น่าเกรงขาม นับแต่นั้นมาแคว้นถู่อวี้หุนก็สงบลง เลิกก่อความวุ่นวายอีก ยอมผูกสัมพันธ์อันดีกับแคว้นจิ้น แลกเปลี่ยนทูตระหว่างกันทุกปี มีการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันมาโดยตลอด
เซี่ยซูยื่นฎีกาต่อฮ่องเต้ว่าแคว้นถู่อวี้หุนชื่นชอบการร้องรำทำเพลง ทูตที่เดินทางไปเยือนจะมากน้อยต้องแสดงให้เห็นถึงความชื่นชอบในการร้องรำของแคว้นจิ้น ปีนี้จึงน่าจะลองคัดเลือกขุนนางกองสังคีตส่งไปยังราชสำนักของฝ่ายนั้นบ้างเพื่อแสดงมิตรไมตรีอันดีต่อกัน
ฮ่องเต้นึกสงสัย หรือว่าเซี่ยซูจะชื่นชอบนักดนตรีผู้นั้นจริงๆ ยังอุตส่าห์กังวลถึงเรื่องนี้ด้วย
พระองค์ไม่มีความเห็นเป็นอื่น เห็นชอบตามที่ขอ ส่วนจะเลือกผู้ใดเดินทางไปบ้างก็ให้แล้วแต่เซี่ยซูเป็นผู้จัดการ
คำขอของเว่ยอี้จือย่อมต้องถูกบอกปัดไปอย่างเกรงใจ เพราะฉู่เหลียนอยู่ในรายชื่อคนที่จะถูกส่งไปยังแคว้นถู่อวี้หุนด้วย
เย็นวันนั้นที่รายชื่อออกมา เซี่ยหร่านนั่งอยู่ต่อหน้าเซี่ยซู พยายามจะเอ่ยห้าม “เรื่องที่ทุ่ยจี๋ขัดคำสั่งนั้นถือว่ามีความผิด แต่ท่านจะเอาแต่เมตตาสงสารจนออมมือกับเขาได้อย่างไร ต่อไปคนผู้นี้จะนำหายนะมาให้ นึกเสียใจภายหลังก็สายไปแล้ว”
เซี่ยซูเอ่ยว่า “เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าตัดสินใจไปแล้ว ทำตามนี้”
เซี่ยหร่านเม้มปากแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกไปอย่างฉุนเฉียว
มู่ไป๋ถอนหายใจ ไม่ง่ายเลยที่คุณชายหร่านจะสะกดความทะนงตนเอาไว้ได้ นี่ยังมาถูกคุณชายยั่วยุจนออกอาการอีก
เซี่ยซูส่งคนไปแจ้งให้ฉู่เหลียนทราบเรื่องก่อนแล้ว ตัวนางยังคงตัดสินใจว่าไม่ไปพบหน้าเขา นางนั่งอยู่หลังโต๊ะครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้นกลับห้องของตน