เนื่องจากข่าวลือว่าเซี่ยซูชอบบุรุษเพศ ทำให้ขุนนางหลายคนไม่อยากจะไปเยี่ยมไข้เขา บางคนที่อยากจะไป แต่เกรงว่าจะถูกผู้คนครหาจึงเลิกล้มความคิดนั้นเสีย
ทว่าเว่ยอี้จือกลับไปจวนอัครเสนาบดีอย่างเปิดเผย
คิมหันตฤดูร้อนอบอ้าวขึ้นทุกที ประตูหน้าต่างในห้องของเซี่ยซูจึงเปิดออกกว้าง นางนอนตะแคงอยู่บนเตียงแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ทราบว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
เว่ยอี้จือถูกมู่ไป๋ส่งเข้ามาในห้อง เขากำลังมองดูใบหน้าด้านข้างของเซี่ยซูอยู่ ซึ่งดูราวกับจันทราส่องแสงที่แขวนอยู่บนฟากฟ้าหลังอาทิตย์อัสดงไม่นาน ไม่สาดแสงแรงกล้าหากทอแสงนวลตาแทน
เว่ยอี้จือนั่งลงข้างๆ มองดูนางเงียบๆ อยู่นาน แล้วกระซิบเรียกเบาๆ “หรูอี้”
เซี่ยซูหันขวับมาทันใด แววตาค่อยๆ แจ่มกระจ่างเหมือนตื่นจากภวังค์ “เป็นจ้งชิงนี่เอง”
นางจะลุกขึ้นทักทาย ทว่าเว่ยอี้จือกลับห้ามเอาไว้
“หรูอี้ดูเซื่องซึมเช่นนี้ น่าจะป่วยใจกระมัง เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เซี่ยซูยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ไม่มีอะไรหรอก อากาศช่วงนี้เปลี่ยนแปลง ข้าเองก็โหมงานหนักเกินไป…แค่เท่านั้นแหละ”
เว่ยอี้จือส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “เจ้ากับข้าเป็นพี่น้องกัน ไยจึงต้องปิดบังด้วย บัดนี้คนข้างนอกเล่าลือกันว่าเป็นเพราะนักดนตรีผู้นั้น นี่เป็นความจริงหรือ”
เซี่ยซูหลุบตาลงจ้องมองลายปักดิ้นทองตรงชายเสื้อ จู่ๆ ก็พบว่าอดีตที่ผ่านมาของตนเองนั้น นอกจากเซี่ยหมิงกวงแล้ว คนที่รู้เรื่องมากที่สุดก็คือคนตรงหน้านี้เอง
ช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ
“เขาเป็นสหายในวัยเด็กของข้า”
ดวงตาเว่ยอี้จือฉายแววประหลาดใจ แต่แล้วก็กลบเกลื่อนได้อย่างรวดเร็ว
“ตอนนั้นหากไม่ได้ข้าวสารครึ่งถุงที่เขามอบให้ ข้าก็คงทนอยู่ได้ไม่ถึงตอนที่สกุลเซี่ยส่งคนมาที่จิงโจว และก็คงไม่มีชีวิตเฉกเช่นทุกวันนี้”
“เช่นนั้นไยเจ้าต้องส่งเขาไปยังแคว้นถู่อวี้หุนด้วย”
“เพื่อรักษาชื่อเสียงอันดีงามไว้อย่างไรเล่า” นางกระตุกมุมปากครู่หนึ่ง “สรุปแล้วก็คือข้าเห็นแก่ตัวก็เท่านั้นเอง”
“พูดเช่นนั้นได้อย่างไร เป็นทหารแคว้นฉินที่โหดเหี้ยม เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนอยู่เหนือความคาดหมาย” เว่ยอี้จือนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดขึ้น “อันที่จริงพี่ชายข้าก็ถูกทหารแคว้นฉินจับตัวไประหว่างเดินทางเช่นกัน”
เซี่ยซูเงยหน้าขึ้น แล้วเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “อะไรนะ”
“พี่ชายข้าเว่ยซื่อจือโตกว่าข้าสิบปี ตอนเด็กๆ ข้าร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยบ่อย เขาก็เป็นคนสอนให้ข้าฝึกวรยุทธ์เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เขานำทหารปกป้องชายแดนสร้างคุณูปการไว้มากมาย เดิมทีก็ควรจะได้รับชื่อเสียงเหล่านี้ ทว่าปีนั้นเขากลับเมืองหลวงเพื่อมาเยี่ยมเยียนญาติมิตร ระหว่างเดินทางผ่านเมืองปาตงตรงชายแดนก็ถูกทหารฉินซุ่มโจมตี”
“เช่นนั้น ตอนนี้เขา…”
“เกรงว่าคงไม่อยู่แล้วกระมัง”
เซี่ยซูเพิ่งได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก นางถึงกับนิ่งงันพูดไม่ออก
เว่ยอี้จือยื่นมือไปแตะหลังมือนางแล้วกล่าวว่า “ทำใจให้สบายเถิด”
เซี่ยซูก้มลงมองนิ้วมือเขา นางพยักหน้า “ก็ได้”