เซี่ยซูไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับท่วงทำนองดนตรีเลยสักนิด นางจึงไม่อาจเพลิดเพลินไปกับดนตรีและการขับร้องนี้ได้ ทั้งไม่ได้ให้ความสนใจจริงจังด้วย เพียงแค่ไว้หน้าหวังจิ้งจือเท่านั้น ต้องทำเป็นมองด้วยความสนอกสนใจ
พอมองไปก็เห็นว่ามีนักดนตรีผู้หนึ่งกำลังมองมาที่นาง คนผู้นั้นก็คือบุรุษที่กำลังตีจู้ เขาสวมชุดยาวสีเขียวเข้ม คาดเอวปล่อยผม เผยไหล่เนียนให้เห็นหน่อยๆ หากไม่มองให้ดียังคิดว่าเขาเป็นหญิงสาวที่ดูงามยั่วยวนมากผู้หนึ่ง
ตอนแรกเซี่ยซูคิดว่าเขามองผู้อื่น นางจึงหันมองซ้ายขวา แต่กลับพบว่าสายตาของคนผู้นั้นยังคงจับจ้องมองมาที่นางตลอดเวลา จึงรู้ว่าที่แท้เขากำลังมองนางอยู่
เว่ยอี้จือนั่งอยู่ทางขวามือของเซี่ยซู เมื่อเห็นคนข้างกายมองพวกนักขับร้องหญิงตลอดเวลาก็ประหลาดใจ หรือว่าเขาจะชื่นชอบหญิงเช่นนี้?
แม้แต่หวังจิ้งจือก็เข้าใจเซี่ยซูผิด เขาโบกมืออย่างใจกว้างแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อท่านชอบก็เลือกหญิงในหมู่นักขับร้องไปสักคนสิ”
เซี่ยซูรีบบอกว่า “ท่านเจ้าเมืองเกรงใจเกินไปแล้ว ในเมื่อเป็นของรักของท่านเจ้าเมือง จะให้ตัดใจยกให้ข้าได้อย่างไรกัน ข้าไม่อาจทำเรื่องจำพวกแย่งของรักของใครหรอกนะ”
หวังจิ้งจือมาครั้งนี้ก็อยากจะทำดีไถ่โทษอยู่แล้ว เขาจึงพูดอย่างใจกว้าง “ท่านอย่าได้เกรงใจเลย สาวงามแม้จะดีเพียงใดก็ต้องมีคนที่ชื่นชม ในเมื่อท่านชอบนาง ย่อมจะทะนุถนอมนางแน่ นั่นก็นับว่าเป็นโชคดีของนางแล้ว”
เซี่ยซูหันไปมองอีกครั้ง คนตีจู้ผู้นั้นหยุดเล่นแล้ว และกำลังจ้องเขม็งมาที่นางราวกับมีอะไรจะพูด
นางยื่นมือแล้วชี้ไป “นักขับร้องหญิงนั้นช่างเถอะ ทว่านักดนตรีผู้นั้นดูไม่เลวเลย ข้าชอบฟังเสียงตีจู้ มอบเขาให้ข้าก็แล้วกัน”
ทุกคนในที่นั้นเงียบกริบในทันที
การเลือกสาวงามต่อหน้าผู้คนเคยเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ทว่าการเลือกหนุ่มรูปงามต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ เพิ่งจะเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก
หวังจิ้งจือได้สติก่อนใคร เขาหัวเราะแหะๆ สองทีเพื่อกลบเกลื่อนบรรยากาศอันน่ากระอักกระอ่วน แล้วสั่งให้นักดนตรีผู้นั้นมารับใช้
บุรุษผู้นั้นมาอยู่ต่อหน้าเซี่ยซู เขาทำความเคารพแล้วกวาดมองดูใบหน้านางกลับไปกลับมา ทันใดนั้นก็กระซิบเรียกชื่อเบาๆ “หรูอี้ใช่หรือไม่”
เซี่ยซูตะลึงงัน ดีที่นางหายตกใจได้รวดเร็ว จึงเก็บอาการได้ทัน
“บังอาจมาก!” นางกระซิบขู่เสียงต่ำ “ไม่ได้เรียกให้เจ้ามาพูด เหตุใดจึงปากมาก”
บุรุษผู้นั้นตะลึงงัน ก่อนจะก้มหน้ารับผิด “ข้าน้อยไม่กล้า”
เซี่ยซูเรียกมู่ไป๋มา ให้เขาพาบุรุษผู้นั้นกลับจวนไปก่อน
หวังจิ้งจือคอยเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด สีหน้ามองออกยากว่าคิดอะไรอยู่
เว่ยอี้จือนิ่งเงียบตลอดเวลาที่นั่งร่วมโต๊ะ เวลานี้เขาก็เพียงดื่มเงียบๆ ครุ่นคิดโดยไม่พูดไม่จา
พอเซี่ยซูกลับมาที่จวนแล้วก็ไม่ได้ไปหาบุรุษผู้นั้น
นางรู้ชัดทีเดียวว่าคนผู้นี้คือสหายเก่าของตน อาจเคยไปขุดหาของป่า ขโมยรากบัว หรือจับตั๊กแตนด้วยกันในตอนนั้น นั่นเป็นเพียงเรื่องราวในอดีต ทว่าสิ่งที่นางไม่อาจให้ใครอื่นล่วงรู้ก็คือเรื่องราวในอดีตนี่เอง
ไม่นานเซี่ยหร่านก็ทราบเรื่อง เซี่ยซูไม่ชอบฟังดนตรี ทั้งจวนต่างก็ทราบกันดี จู่ๆ กลับพานักดนตรีกลับมาด้วยเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก
เซี่ยหร่านเรียกมู่ไป๋ไปสอบถาม จากนั้นจึงไปพบกับนักดนตรีผู้นั้น