กู้ไหวไม่อาจโต้แย้งใดๆ ได้ เขายอมที่จะให้ฉืออิ๋งคิดบัญชีกับตน แล้วก็ยินยอมพร้อมใจที่จะให้นางเล่นงานเขา เพียงนึกภาพตัวเขาได้เข้าไปอยู่ในใจของนางแล้ว เขาก็รู้สึกพอใจอย่างมาก
“หากองค์หญิงทรงไม่ให้อภัยกระหม่อม กระหม่อมก็จะไม่ช่วยองค์หญิงดื่มยา” ใบหน้ากู้ไหวเพียงเฝ้ารออยู่เงียบๆ
กู้ไหวเพียงคิดว่าฉืออิ๋งจะแค่พูดจาเหลวไหลครู่เดียวเท่านั้น
ทว่าวันนี้เห็นได้ชัดว่านางดูไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไร เพียงหยิบช้อนคันใหญ่คนยา “ไม่ดื่มก็ไม่ดื่มสิ ไม่รู้ว่าโต้วเปาเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง ได้ยินมาว่าเสด็จพ่อกริ้วเขามาก ถึงกับมีรับสั่งขังเขาไว้”
“รอให้เฟิ่งจวินทรงคลายพระพิโรธลงแล้ว คงคลี่คลายเรื่องราวได้ องค์หญิงทรงอย่าเป็นกังวลมากเกินไปเลย” กู้ไหวเอ่ยปลอบโยน
“จะไม่มีเรื่องได้อย่างไรเล่า ครั้งนี้โต้วเปาเอ๋อร์กลับมาเพื่อรับการแต่งตั้ง แต่เขากลับแอบพาองค์หญิงแคว้นเหยากลับมา เจ้าเหยาจีนี่ก็ช่างร้ายกาจ กล้าคิดร้ายต่อข้า โต้วเปาเอ๋อร์ก็มาร้องขอให้เหยาจีอีก ช่างโง่เขลาเสียจริง! เสด็จพ่อกริ้วเขาแย่แล้ว! ฟังมาว่าอาลักษณ์ผู้นั้นทราบเรื่องนี้มาแต่แรก แต่กลับไม่ยับยั้ง แล้วยังคิดอ่านจะบันทึกเรื่องนี้ลงในบันทึกอีก ช่างน่าแค้นใจจริงเชียว!”
“อาลักษณ์ผู้นั้นคือ…”
“จะเป็นใครไปได้อีก คนที่ชอบจับผิดผู้อื่น แอบบันทึกเรื่องราวเงียบๆ เป็นไท่สื่อไป๋สิงเจี่ยนน่ะสิ!”
“ไท่สื่อ?” กู้ไหวงุนงงกับท่าทีที่ฉืออิ๋งมีต่อไป๋สิงเจี่ยน จึงลองสอบถาม “องค์หญิงทราบหรือไม่ว่าผู้ใดเป็นคนช่วยท่านไว้”
“ไม่ใช่เจ้าหรือ” ฉืออิ๋งอารมณ์ไม่สู้ดีนัก “อะไรรึ บุญคุณที่เจ้าช่วยข้า ต้องให้ข้ามอบตัวให้เจ้าด้วยหรือไร”
กู้ไหวอ้าปากค้าง “ไม่…ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
“เสด็จแม่ทรงเลื่อนตำแหน่งเจ้าเป็นหมอหลวงขั้นสี่ แค่นี้ยังไม่พอหรือ”
“ไม่…ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ” กู้ไหวรู้สึกว่าเรื่องที่นางกับเขาพูดมาทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องเดียวกัน “ใครเป็นคนบอกว่ากระหม่อมช่วยองค์หญิงไว้หรือ”
“ก็พวกหมอหลวงอย่างไรเล่า!”
“ไท่สื่อทราบเรื่ององค์หญิงแคว้นเหยาอยู่ก่อนแต่ไม่ยับยั้งเอาไว้ แล้วยังคิดเขียนลงในบันทึก คำพูดนี้ก็เป็นคำที่หมอหลวงใหญ่ทูลแก่องค์หญิงหรือพ่ะย่ะค่ะ” กู้ไหวคล้ายได้พบเห็นอะไรบางอย่าง
“ใช่สิ แล้วเหตุใดถึงไม่ควรบอกข้าเล่า หรือว่าเจ้ารู้แล้วจงใจไม่บอกข้า” ฉืออิ๋งพลันเกิดความสงสัย เมื่อจับสีหน้าผิดปกติของกู้ไหวได้
กู้ไหวพลันนิ่งอึ้ง มิน่าเล่า หลายวันนี้จึงไม่มีใครในสำนักหมอหลวงทำเรื่องยุ่งยากให้เลย เหมือนว่าจะมีไมตรีที่ดีต่อเขาไม่น้อย เขาคิดว่าตนเองเข้าใจผิดไปเองเสียอีก เพราะแม้แต่หมอหลวงใหญ่ก็วิจารณ์ผลงานของเขาในขั้นดีเลิศ เขายังคิดไปเองว่าในที่สุดวิชาแพทย์ของเขาก็ได้รับการยอมรับจากหมอหลวงใหญ่
ที่แท้เขาก็ตกอยู่ในวังวนการต่อสู้ระหว่างหมอหลวงใหญ่กับหัวหน้าสำนักหลันไถโดยไม่รู้ตัว
“กู้ไหว หรือว่าที่หมอหลวงใหญ่พูดไม่เป็นความจริง”
“ไม่…” กู้ไหวพลันเคว้งคว้าง หากฉีกหน้าสำนักหมอหลวง แล้วตัวเขาเองล่ะ “ไหนเลยหมอหลวงใหญ่จะกล้าทูลเรื่องโกหกแก่องค์หญิง”
แล้วเหตุใดฝ่าบาทกับเฟิ่งจวินจึงไม่ตรัสเรื่องจริงกับองค์หญิงเล่า
โปรดติดตามตอนต่อไป…