ไป๋สิงเจี่ยนจำได้ว่าตนเองไม่คิดข้องแวะกับสำนักหมอหลวงมาแต่แรกแล้ว ในสายตาเขาหมอหลวงพวกนั้นล้วนมีฝีมือวิชาแพทย์ไม่เท่าไร วันๆ เอาแต่ทำงานแบบขอไปที ยามเห็นเขาเป็นต้องเดินอ้อมไปร้อยก้าว นี่ยังจะมีหมอหลวงเล็กๆ มาคิดตีสนิทกับเขาอีก แล้วอย่าโทษว่าคืนนี้เขาอารมณ์ไม่ดี ลงมือต่อหมอหลวงเล็กๆ อย่างไม่ปรานีแล้วกัน
กู้ไหวไม่ได้รู้เลยว่าตนเองกำลังจะถูกพิพากษาโทษตาย เขาเดินไปถึงข้างตัวหัวหน้าสำนักหลันไถ วางล่วมยาลงบนโต๊ะ หมุนตัวไปจุดไฟตะเกียงของในวังที่ตั้งอยู่ ภายในตำหนักพลันสว่างขึ้นทันใด แสงพุ่งแยงตาไป๋สิงเจี่ยนจนต้องหรี่ตา
ตอนที่กู้ไหวหมุนตัวกลับมา มือข้างหนึ่งก็พลิกเปิดผ้าห่มขนสัตว์ที่ขาของไป๋สิงเจี่ยนออก มืออีกข้างฝังเข็มลงบนหัวเข่าเขาอย่างว่องไว จนไม่มีเวลาให้เขาได้ทันตอบโต้
พอเข็มฝังเข้าไปแล้ว ทั้งสองต่างก็ตกตะลึง
ไป๋สิงเจี่ยนไม่เคยเห็นผู้ใดฝังเข็มได้คล่องแคล่วเช่นนี้มาก่อน แน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะหลายปีมานี้เขาไม่เคยให้ผู้ใดเข้าใกล้และมีโอกาสฝังเข็มเช่นนี้ ทั้งที่มีผ้าคั่นอยู่แต่ก็ยังใช้ความเร็วดังสายฟ้าฝังเข็มที่หัวเข่าในจุดเฮ่อติ่งอย่างแม่นยำยิ่ง…ไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่น้อย
ฝังเข็มที่จุดเฮ่อติ่งครึ่งชุ่น ช่วยทะลวงข้อต่อ ไล่ลมขับความชื้น กระตุ้นการไหลเวียนระงับปวด บรรเทาอาการปวดข้อเข่า แข้งขาไม่มีแรง ร่างกายท่อนล่างขยับไม่ได้ ทีแรกกู้ไหวเพียงคิดว่าฝังแค่ไม่กี่เข็มอาการก็น่าจะดีขึ้น ทว่าตอนที่เข็มฝังลงไปนั้น ปลายเข็มเจอกับแรงต้านและความรู้สึกที่ส่งผ่านมาที่มือบอกความจริงอันน่าตกใจให้เขารู้…หัวเข่าของคนผู้นี้ถูกทำลายไปแล้ว เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบปี!
กู้ไหวเหงื่อไหลเต็มหน้าผาก เขาตกตะลึงอยู่กับที่ตรงนั้น
เรื่องจริงตามคำเล่าลือพวกนั้นค่อยๆ เผยยอดภูเขาน้ำแข็งออกมา…
ไป๋สิงเจี่ยนไม่ยอมรับหมอหลวง ตำหนิหมอหลวงว่าขาดความลึกซึ้งในวิชาการแพทย์ ต่างจากหมอหลวงในอดีต พวกเขาดีแต่คัดลอกเนื้อหาจากตำรายาเก่าๆ
กู้ไหวที่มาจากสำนักหมอหลวงรู้อยู่แล้วว่าใบสั่งยาที่ใช้รักษาขาให้หัวหน้าสำนักหลันไถนั้นไม่มีทางใช้ได้ผลกับหัวเข่านี้ได้เลย ดังนั้นเขาจึงขัดแย้งกับหมอหลวงคนอื่น มองว่าพวกเขาเป็นหมอหลวงธรรมดา ถึงตอนนี้มาประสบด้วยตนเอง กู้ไหวก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้วเช่นกัน เขาเศร้าใจที่พบว่าตนเองก็เป็นแค่หมอหลวงธรรมดาคนหนึ่งที่หัวหน้าสำนักหลันไถติเตียน
เห็นหมอหลวงตรงหน้าตกตะลึง ไป๋สิงเจี่ยนก็ไม่ได้ใส่ใจกับเหตุการณ์นี้เลย หากมีฝีมือขนาดนี้แล้ว การตรวจพบปัญหาที่เข่าของเขาและตระหนักว่าเข่าเขาไม่มีทางรักษาแล้วย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
เรื่องที่เหนือความคาดหมายของกู้ไหวพลันเกิดขึ้นอีกครั้ง ไป๋สิงเจี่ยนจับไปที่เข็มเงินด้วยตนเอง พลางขยับเข็มอย่างช้าๆ กะเวลาที่พอเหมาะแล้วค่อยถอนเข็มออก ก่อนจะฝังเข็มลงที่เข่าอีกข้างหนึ่ง ความเร็วของมือไม่ได้เป็นรองกู้ไหวเลย
กู้ไหวจ้องตาแทบถลน นี่ไม่เหมือนกับที่เล่าลือเอาไว้เลย! พวกเขาเล่าลือกันว่าหัวหน้าสำนักหลันไถร่างกายพิการ จิตใจมืดมัว ปิดบังอาการป่วย ไม่รู้วิชาการแพทย์ เป็นแต่ชี้นิ้ววาดเท้าพูดจาน่าขบขัน กู้ไหวรับรู้แล้วว่าหากยังเชื่อคำเล่าลือพวกนั้นอีก เขาจะต้องทั้งโง่และเสียสติเป็นแน่!