เวลาเคลื่อนผ่านไป ไม่มีสัญญาณใดบอกกล่าวว่าฉืออิ๋งจะฟื้นคืนสติมา ในใจเฟิ่งจวินร้อนรนดั่งมีกองไฟสุม เขามองไปที่เหล่าหมอหลวงพวกนี้ที่ยังหาทางรักษาบุตรสาวของตนไม่ได้ เขาขุ่นเคืองจนกัดฟันกรอดๆ แล้ว
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ตระหนักว่ามีโอกาสมากที่ฉืออิ๋งอาจประสบเรื่องร้าย แต่สำหรับคนที่ให้กำเนิดมานั้น ตั้งแต่ฉืออิ๋งเล็กๆ เฟิ่งจวินก็เคยฝันว่าเป่าเปาถูกคนร้ายลักพาตัวไป เวลาผ่านไปฝันร้ายของเฟิ่งจวินก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ไม่ว่าเหตุการณ์ร้ายใดๆ ที่ฉืออิ๋งอาจประสบได้นั้น เฟิ่งจวินล้วนนำไปฝันถึงรอบหนึ่ง ซึ่งในฝันก็มีเรื่องตกน้ำอยู่ด้วย ทว่าวิธีที่เขาเลือกใช้คือการปกป้องเป่าเปา ยินดีทำแทนนางไปเสียทุกเรื่อง ขอเพียงให้นางอยู่ภายใต้ปีกของเขา นางก็จะสามารถพ้นภัยร้ายได้ทั้งปวง
ความจริงเห็นได้ชัดเจนแล้ว เป็นเขาที่แบกรับทุกอย่างไว้เองมากเกินไป และเพราะที่เขาแบกรับไว้แทน จึงกลายเป็นการทำร้ายต่อเป่าเปา
หยวนสี่ตี้เห็นเฟิ่งจวินทั้งร้อนใจทั้งขุ่นเคืองทั้งแบกรับเองเช่นนี้ราวกับจิตใจได้แหลกสลายไปแล้ว ในฐานะภรรยา นางจึงรู้สึกว่าตนเองต้องเข้าไปปลอบโยนสามีเสียหน่อย “ข้าว่าถวนถวนโตขนาดนี้แล้ว เดิมทีสมควรจัดการกับคนร้ายได้ด้วยตนเอง ตกน้ำแค่นี้จะเป็นอะไรไปได้เล่า แต่ดูที่ท่านเลี้ยงลูกของข้าออกมาสิ นางเป็นอย่างไรไปแล้ว ตอนที่ข้าให้นางหัดว่ายน้ำ ให้นางได้กินน้ำบ้างก็ช่างปะไร แต่ท่านกลับห้ามข้าเหมือนว่าข้าเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย ทั้งยังแอบไปขอยันต์ที่ศาลเจ้ามาเพื่อกันตกน้ำอีก คิดหรือว่าพกยันต์ติดตัวแล้วจะแคล้วคลาดได้ เอาเถิด ท่านก็อย่าได้หมดอาลัยตายอยากเช่นนี้เลย ข้านับเรื่องแย่ๆ ที่ท่านทำไว้ทุกเรื่องแล้ว ข้าให้กำเนิดถวนถวนมาเอง…บุตรที่ข้ามู่หยวนเป่าคลอดออกมาต้องไม่ใช่คนไม่เอาถ่าน ปัญหาสำคัญอยู่ที่หมอหลวงพวกนี้ใช้การไม่ได้ต่างหากเล่า หากว่าพี่มู่อวิ๋นอยู่…”
เดิมทีเฟิ่งจวินแทบขาดใจตายอยู่รอมร่อ ทว่าทันทีที่ได้ยินคำพูดในตอนท้ายกล่าวตัดจบก็คล้ายได้เปิดปมในใจเขาขึ้นมาฉับพลัน ดวงตาที่หมดอาลัยตายอยากเปลี่ยนเป็นแววตาฮึดสู้ในทันใด “ในที่สุดท่านก็หาโอกาสจนได้ คิดจะรับสั่งให้เขากลับมารึ คิดได้ดีนี่ ข้าก็ยังยืนยันคำเดิม มีเขาไม่มีข้า มีข้าไม่มีเขา! ข้าเคยพูดไว้ว่าพักหลังท่านเอาแต่บ่ายเบี่ยงข้ามาตลอด ที่แท้ก็มีใจเป็นอื่น รู้สึกเบื่อหน่ายในตัวข้า คิดได้แล้วทิ้งหรือไร!”
หยวนสี่ตี้คิดตอนแรกแล้วว่าไม่ควรเอ่ยเช่นนั้น แต่นางไม่ทันระวังปากเผลอเอ่ยกระแทกใจคนขี้หึงเข้าจนได้ ยิ่งคิดไปถึงเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นฉืออิ๋งยังเล็ก นางได้รับจดหมายที่หวานจนน่าขนลุกจากอดีตหมอหลวงหลิ่วมู่อวิ๋น ทว่ากลับถูกเฟิ่งจวินพบเห็นเข้าจนเกิดหึงหวงขึ้นมา ยามนั้นเขาก็กลับหลังแล้วพาฉืออิ๋งกลับซีจิงไปทันที เฉยเมยกันสามเดือนเต็ม สุดท้ายเป็นนางที่พกจดหมายแสดงความในใจซึ่งให้พวกบัณฑิตที่ชอบแสดงละครแต่งขึ้นมา โดยนางเดินทางไปซีจิงด้วยตนเอง ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งจึงหลอกล่อพาเฟิ่งจวินกลับมาได้
เฟิ่งจวินเกิดอาการหึงหวงขึ้นมาเมื่อไร ตั้งแต่วังหลังจนถึงโถงว่าการของราชสำนักล้วนไม่เป็นอันสงบสุข หยวนสี่ตี้นึกแล้วก็ให้ประหวั่นใจยิ่ง
“ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ใครจะไปคิดเรียกตัวเขากลับมากัน ในเมื่อเขาตั้งใจจากเมืองหลวงไปตระเวนทั่วใต้หล้าแล้ว ข้าจะไปบังคับอะไรเขาได้เล่า ท่านยังจะมากล่าวหาว่าข้าเอาแต่บ่ายเบี่ยงท่านอีก อายุขนาดนี้แล้วยังจะคิดอะไรเช่นนี้ ปากก็พร่ำบ่นแต่ว่าจะมีลูกเจ็ดคนแปดคน! ขณะที่ทุกวันข้าต้องคอยรับมือกับพวกขุนนางที่มีแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องจนแทบไม่ไหว ไหนจะต้องมารับมือกับคนไม่อยู่กับร่องกับรอยอย่างท่านอีก ข้าต้องเหนื่อยแทบขาดใจ ยังจะมาปรักปรำข้าอีกรึ ข้าอยู่ไปก็ไม่มีความหมายแล้ว”