หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนดูขาดความเชื่อมั่นกับคนที่อยู่ระหว่างพื้นที่สลัวนั้นยิ่ง เมื่อครู่เขาเพียงถูกสะกดจากแรงดึงดูดของสาวน้อยน่ารักไร้เดียงสาผู้นี้ จนไม่ทันพบว่าในระยะไม่กี่ฉื่อ มีคนมาถึงอย่างเงียบๆ ยิ่งไม่คิดว่าหัวหน้าสำนักหลันไถที่แผ่ไอเย็นเยือกประดุจหิมะบนยอดเขาสูงจะมีวาสนาถึงเพียงนี้ได้ ทำให้เขาทั้งนับถือทั้งอิจฉาจริงๆ ซึ่งตำแหน่งที่มีชื่ออย่างหัวหน้าสำนักหลันไถก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่เขาจะไปถึงได้ ความต่างกันลิบลับนี้ราวฟ้ากับดิน ทำให้เขามีเม็ดเหงื่อซึมออกมาทั่วร่าง
ไป๋สิงเจี่ยนใช้สายตาเย็นชามองมาที่ตัวเขา ไม่อาจบรรยายถึงความเย็นเยือกยิ่งนี้เลย เขาเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เหตุใดต้องฝ่าเข้ามาในนี้ให้ได้ด้วย ได้รับการชี้แนะจากเบื้องบนให้ปิดถนนในย่านนี้ แล้วผู้บังคับบัญชายังกำชับมาเป็นพิเศษว่าในตรอกฉางเซิงมีคนผู้หนึ่งที่แม้แต่ตัวผู้บังคับบัญชาก็ยังไม่กล้าตอแย ต้องระวังตัวให้มาก แต่เขาอิงจากประสบการณ์แล้วเห็นว่าคนที่อาศัยอยู่ในตรอกฉางเซิงซึ่งดูไม่ใช่ที่ที่คนใหญ่โตอยู่ จะมีคนสำคัญได้อย่างไรกัน คิดว่าน่าจะมีแต่ครอบครัวที่คับแค้นหรือบัณฑิตยากจนเท่านั้น
“ข้าน้อยได้รับคำสั่งให้ค้นตามตรอกทุกตรอก ต้องค้นหาทุกบ้าน หากล่วงเกินไป ขอไท่สื่อโปรดให้อภัยด้วย ในเมื่อไม่พบร่องรอยอะไร ข้าน้อยขอตัวไปบ้านอีกหลังก่อน ขอลา!” หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนที่ชะตาแย่คิดอย่างเดียวว่าต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แม้ว่าสาวน้อยผู้นั้นจะทำให้เขารู้สึกเสียดายก็ตาม
เขาหันหน้าคิดจากไปอย่างเร่งรีบ ฉับพลันก็ได้ยินเสียงเบาๆ เอ่ยถาม “ประตูเขตฟางปิดถึงกี่โมง”
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนโล่งใจได้บ้าง ไท่สื่อยอมพูดด้วยแล้วก็ดี “จนกว่าจะพบของที่หายขอรับ”
ไป๋สิงเจี่ยนฟังจบแล้วก็ดูไม่ใส่ใจอะไรอีก หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนจึงค่อยถอนหายใจโล่งอก จะขอกล่าวลาอีกครั้ง หากไม่มีเรื่องอื่น ข้าน้อยขอ…”
“รบกวนท่านสักครั้งได้หรือไม่” ไป๋สิงเจี่ยนในมือว่างเปล่า ไม่รู้ว่าไม้เท้าหล่นพื้นไปตั้งแต่เมื่อไร เขาใช้สายตาบอกแทนคำพูด
“มิกล้า มิกล้า!” หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนคิดหลบออกไปหลายครั้งแต่ไม่ได้เสียที เขาจึงคิดรีบจบรีบไป เดินหน้าหลายก้าว ก้มตัวลงหยิบไม้เท้าบนพื้นขึ้นมาส่งให้
ไป๋สิงเจี่ยนยกแขนเสื้อยาวสีเทาดำที่เป็นแบบเรียบง่ายขึ้น มือเรียวเล็กขาวซีดข้างหนึ่งยื่นออกมารับเอาไม้เท้าไว้ ค่อยๆ วางค้ำบนพื้น “รบกวนแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นข้าน้อยขอตัวลา!” หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนเกิดกลัวว่าหัวหน้าสำนักหลันไถจะมีเรื่องให้ช่วยอีก
“ส่งแขก” ไป๋สิงเจี่ยนไม่รู้ว่าตนเองพูดคำพูดที่ดูไร้ความรู้สึกนี้กับใคร
“ไม่ต้องๆ” หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนบอกให้เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชากลับ
ใบหน้าของบรรดาหน่วยลาดตระเวนต่างรู้สึกโชคร้ายที่ไม่อาจหาของมีค่าได้ตามทางที่มา สนใจอะไรกับหัวหน้าสำนักหลันไถ จนยิ่งกว่าจน แปลงผักในบ้านถูกเหยียบย่ำ ต้นอ่อนถูกหัก อิงเถาที่เด็ดติดมือมาเกลื่อนไปทั่วพื้น อย่างไรเสียนี่ก็เป็นงานของทางการ โทษพวกเขาไม่ได้