ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 20
เฮ่อหลันฉือรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย “เจ้าเคลื่อนไหวเบาสักนิดและช้าสักหน่อยได้หรือไม่”
“ก็ได้”
ด้วยเหตุนี้ชิงเยี่ยจึงถูกทุ่มไปทุ่มมาสามสี่รอบ ในที่สุดเขาก็อดรนทนไม่ไหว “นายน้อย เรื่องนี้ท่านควรจะเรียกจื่อจู๋มานะขอรับ! รับรองได้ว่าเขาไม่มีทางโอดครวญแม้แต่ประโยคเดียว!”
ลู่อู๋โยวพูดอย่างมีเหตุมีผล “เพราะร่างกายเจ้าจะต่อต้านตามจิตใต้สำนึก ไม่ค่อยอยากถูกข้าทุ่ม เหมาะจะใช้แสดงเป็นตัวอย่างมากกว่า ทุ่มเขาจะแตกต่างอะไรกับการทุ่มท่อนไม้เล่า”
เฮ่อหลันฉือดูการเคลื่อนไหวโดยรวมเข้าใจแล้วก็มองไปทางชิงเยี่ยอย่างลังเลใจและรู้สึกไม่สบายใจนัก “ข้าต้องฝึกกับเขาหรือ…”
การเคลื่อนไหวของลู่อู๋โยวเมื่อครู่อันที่จริงร่างกายสัมผัสกันไม่มากนักและเป็นเพียงแค่ชั่วครู่ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวจำพวกดันข้อศอกกดข้อมือยังมีเสื้อผ้ากั้นอีก หากนางตามสตรีอย่างซวงจือมาฝึกน่าจะไม่ได้ผล
ลู่อู๋โยวพูดเสียงสูงเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าต้องฝึกกับเขา ฝึกกับข้าสิ”
“หืม?”
ลู่อู๋โยวโบกมือ ชิงเยี่ยนวดแขนพลางวิ่งล้มลุกคลุกคลานจากไป ลู่อู๋โยวชี้ตนเองแล้วเอ่ยว่า “เจ้าย่อมต้องฝึกกับข้า เจ้าลงมือได้ตามใจ ข้าไม่มีทางต่อต้าน”
เฮ่อหลันฉือถามด้วยเสียงแฝงความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “จริงหรือ”
ลู่อู๋โยวเลิกคิ้ว ยิ้มอย่างเย้ายวนเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “อย่างไรเสียพวกเราก็เคยสัมผัสกันทุกส่วนแล้วมิใช่หรือ เจ้ายังจะเขินอะไรข้าอีก”
เฮ่อหลันฉือรู้สึกขัดเขิน พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นข้าลงมือล่ะ!”
นางลองเลียนแบบท่าทางของลู่อู๋โยว เขาไม่ขยับสักนิดเลยจริงๆ ปล่อยให้นางจัดท่าไปมา กดตัวคนลงนั้นไม่ยาก แต่ตอนที่นางลองออกแรงที่แขนทุ่มอีกฝ่ายกลับติดขัด
ปกติเห็นตอนที่ลู่อู๋โยวเหาะเหินเดินกำแพง ร่างกายเบาหวิวราวกับไม่มีน้ำหนัก ตอนนี้เพิ่งรู้สึกว่าเขาสูงกว่านางมาก ตัวก็ไม่ได้โตเปล่า ทาบมิดบนไหล่ของนาง นางดึงตัวเขาไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ออกแรงอยู่นานจึงพอจะทุ่มเขาไปได้
ทุ่มเสร็จเฮ่อหลันฉือเองก็หมดแรงแล้ว ยืนไม่มั่นคงอยู่ครู่หนึ่งก็ล้มลงบนตัวเขาไปเช่นนั้น
ลู่อู๋โยวนอนอยู่บนผ้านวมอย่างสบายอารมณ์ ไม่รู้สึกเหมือนตนเองถูกทุ่มเลยสักนิด เห็นนางล้มลงมายังยื่นมือออกไปรับไว้อีก
เฮ่อหลันฉือเดิมทีคิดจะยันพื้นสองข้างลุกขึ้น คิดไม่ถึงว่าลู่อู๋โยวจะยื่นมือมาโอบเอวของนางไว้ทันใด นางยั้งแรงในทันที ล้มลงพาดอย่างอ่อนนุ่มบนตัวเขาแทบจะแนบสนิท
ลู่อู๋โยวลมหายใจว้าวุ่นเล็กน้อย กดเอวของนางเอาไว้แล้วพูดเสียงลากยาว “คุณหนูเฮ่อหลัน เหตุใดยัง…โผเข้าอ้อมกอดคนเขาอีกด้วยเล่า”
เฮ่อหลันฉือพูดอย่างโกรธเคืองเล็กน้อย “ข้ายืนไม่มั่นคงเท่านั้นเอง”
ลู่อู๋โยวสูดกลิ่นหอมเฉพาะตัวของนางตรงเส้นผมนุ่มลื่นที่สยายลงมาบริเวณเนินไหล่เบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแฝงความลุ่มหลงเล็กน้อย
“คุณหนูเฮ่อหลัน เจ้าตัวนุ่มมากจริงๆ”
ใบหน้าเฮ่อหลันฉือขึ้นสีแดงเรื่อเล็กน้อย “ร่างกายของคนก็นุ่มเช่นนี้อยู่แล้วมิใช่หรือ หรือว่าเจ้า…”
คำว่า ‘แข็ง’ ติดอยู่ในลำคอ นางกลับรู้สึกเหมือนไม่ค่อยถูกต้องนัก
นางยันแขนพลางดิ้นรนอยากจะลุกขึ้น แต่กลับถูกลู่อู๋โยวกดเอวเอาไว้ เหมือนเขากดถูกจุดที่เอว เพราะนางรู้สึกทั้งปวดและชา ไร้เรี่ยวแรงไปทันที จุดนี้ของนางเดิมทีมีอาการขัดเล็กน้อยยังไม่หายดี จึงยิ่งไม่มีเรี่ยวแรงมากขึ้นไปอีก
“นอนสักครู่เถอะ…เจ้ารู้สึกไม่ค่อยสบายตรงช่วงเอวใช่หรือไม่ ข้าจะช่วยนวดให้”
เฮ่อหลันฉือพาดอยู่บนตัวของลู่อู๋โยว จะรุกหรือรับก็ยากทั้งสองด้าน นางขยับศีรษะไปเล็กน้อย วางปลายคางแตะบนไหล่ของเขาแล้วกัดริมฝีปากล่าง สัมผัสได้ว่าปลายนิ้วของเขากำลังนวดเอวของนางเบาๆ
“…นวดเอวก็ไม่ต้องอยู่ในท่านี้กระมัง”
ลู่อู๋โยวกลับตอบไม่ตรงคำถาม “เจ้าตัวเบาเกินไปแล้ว ทั้งที่ตัวไม่เตี้ย หรือว่าตอนที่ข้าไม่อยู่เจ้าไม่กินข้าวเลย?”
“มิใช่! ข้ากินข้าวอย่างดี”
หลังจากเริ่มฝึกฝนร่างกายเฮ่อหลันฉือยังกินอาหารเพิ่มขึ้นอีกด้วย นางเป็นคนไม่เลือกกิน แต่ดูเหมือนจะอ้วนขึ้นไม่เท่าไรจริงๆ
ลู่อู๋โยวนวดเอวของนางครู่หนึ่งผ่อนคลายความตึงและไม่สบายตัวในจุดนี้ของนาง พอก้มหน้าลงก็เห็นขนตาของนางสั่นไหวแผ่วเบา ใบหน้างดงามขึ้นสีแดงเรื่อ ดูงดงามไม่มีใครเทียบได้ จึงทนไม่ไหวจุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากของนางทีหนึ่ง เรือนร่างอ่อนนุ่มอบอุ่นในอ้อมกอด กลิ่นหอมจางๆ นั้นอบอวลตรงปลายจมูก ในค่ำคืนพายุฝน กลิ่นหอมนี้ดูเหมือนเคยถูกขับให้แรงขึ้นเป็นพิเศษ
เขาเอ่ยกระซิบว่า “ถ้าไม่ได้เห็นเจ้ากินอาหารด้วยตาตนเอง ยังคิดว่าเจ้ากินหยดน้ำค้างกลีบดอกไม้เสียอีก จะว่าไปแล้วคืนนั้นคุณหนูเฮ่อหลันช่าง…” ลู่อู๋โยวควบคุมปากของตนเองไม่ได้ หรืออาจจะเป็นเพราะเขาไม่คิดจะควบคุมอะไรมากกว่า “…มีชีวิตชีวาหอมจรุงใจ”
ใบหน้าเฮ่อหลันฉือร้อนฉ่าอีกครั้งในทันใด
คนผู้นี้กำลังทำอะไรกันแน่!
นางพูดอย่างทนไม่ไหว “ข้าจะลุกขึ้นแล้ว เจ้าอยากนอนก็นอนคนเดียวสักครู่เถอะ!”
นี่ไม่เหมาะสมมากเช่นกัน หากมีคนเข้ามา แม้น่าจะไม่มีก็ตาม ถูกผู้อื่นเห็นสภาพที่พวกเขาสองคนนอนทับกันอยู่บนพื้นคงประหลาดมากจริงๆ และระยะนี้อากาศชื้นมาก บนพื้นไม่แน่ว่าอาจจะมีพวกหนอนแมลงอะไรคืบคลานอยู่ก็ได้
ลู่อู๋โยวจ้องมองนางครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “ทั้งที่โผเข้าใส่อ้อมกอดเอง คุณหนูเฮ่อหลันช่างไร้น้ำใจจริงๆ ข้า…”
เฮ่อหลันฉือยันตัวลุกขึ้นแล้ว
ลู่อู๋โยวลุกขึ้นนั่งเช่นกัน วางแขนพาดบนหัวเข่าที่งอขึ้น ดวงตาดอกท้อหลุบลงเล็กน้อย พูดอย่างทอดถอนใจว่า “ช่างไม่เข้าใจความรักหวานซึ้งเสียจริง”
หลังออกมาจากห้องอาบน้ำแล้วเฮ่อหลันฉือที่กำลังเช็ดผมก็เห็นลู่อู๋โยวถือเอกสารฉบับหนึ่งยื่นมาให้
นางถามอย่างสงสัยว่า “นี่คือ…?”
“เจ้าลองดูก็รู้เอง”
ที่บันทึกอยู่บนเอกสารดูเหมือนจะเป็นบทสนทนาท่อนหนึ่งในหอสุรา เนื้อหาคือคนหนึ่งในนั้นพูดว่าเห็นหลี่ถิงตอนนี้กลายเป็นคนเสียสติแล้วรู้สึกมีความสุขจริงๆ ใครใช้ให้ก่อนหน้านี้เขาตาสูงเหนือศีรษะ คิดว่าตนเองมีชะตาไม่ธรรมดา สมน้ำหน้าที่เสียตำแหน่งซื่อจื่อไปและกลายเป็นคนพิการ อีกคนหนึ่งพูดว่าจดหมายที่ข้าให้สาวใช้ปลอมลายมือเขียนตอนนั้นไม่เสียเปล่าเลย เขายังคิดจริงว่าหญิงงามล้ำเลิศในเมืองหลวงผู้นั้นหมายตาตัวเขา เห็นเขายังคิดเข้าข้างตนเอง หาเรื่องทำลายเกียรติของตน ช่างน่าขันจริง คนอื่นๆ ต่างก็พากันพูดเสริมไปทางเดียวเช่นกัน
เฮ่อหลันฉือรู้ตัว เมื่อคิดเรื่องนี้ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ผ่านมานานจนเหมือนอยู่กันคนละโลก
นางยังจำได้ว่าตนเองถูกอดีตซื่อจื่อของเฉากั๋วกงผู้นั้นบีบคั้นหลายครั้ง ตอนนี้เห็นแล้วกลับไม่รู้สึกโกรธแค้นหวาดกลัวหรือไม่ได้รับความยุติธรรมถึงเพียงนั้นแล้ว คงเพราะตอนนี้นางมีชีวิตที่ดีมาก
“ข้าอยากรู้ว่าใครปลอมแปลงจดหมายที่เจ้าเขียนถึงหลี่ถิง ดังนั้นจึงไปสืบดู เดิมทีเวลาผ่านไปนานมากจึงสืบได้ยาก คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญไปเจอในหอสุรา ล้วนเป็นพวกลูกคหบดีในเมืองหลวงที่อาศัยร่มเงาบรรพชน ไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพายอะไร” ลู่อู๋โยวพูดด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ “ข้าให้คนเอากระบองไปทุบตีพวกเขาแล้ว ต่อให้ตีจนตายก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนสั่งการ รายชื่อแนบไว้ด้านหลังแล้ว ถ้าเจ้ายังรู้สึกไม่หายโกรธ ข้าจะคิดหาวิธีอีกที”
เฮ่อหลันฉือมองดูรายชื่อไม่คุ้นเคยที่แม้แต่หน้ายังนึกไม่ออกนั้นแล้วจึงเอ่ยว่า “ขอบคุณ แต่เหตุใดจู่ๆ เจ้า…”
“ก่อนหน้าไม่รู้สึกไม่พอใจเช่นนี้ กระบวนท่าที่สอนเจ้าป้องกันตัวก็เพียงแค่ป้องกันเรื่องไม่คาดคิด อย่างไรเสียข้าก็ขังเจ้าไว้ข้างกายไม่ได้ ข้าหวังว่าเจ้าอยากไปที่ใดก็ไป ไม่ต้องออกจากบ้านแล้วอกสั่นขวัญแขวนตลอด” เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดอีกว่า “ข้าคิดหาวิธีรีบเลื่อนตำแหน่งดีกว่า”
เฮ่อหลันฉือ “…?”
เหตุใดเขาจึงมุ่งไปเรื่องนั้นอย่างกะทันหัน
“จริงสิ…” นางนึกบางอย่างขึ้นมาได้ทันใด “เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่าเจ้าจะสร้างปัญหาให้เซียวหนานสวินอย่างไร และจะช่วยคุณหนูจวนอันติ้งป๋ออย่างไร”
ลู่อู๋โยวเคาะนิ้วบนโต๊ะเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “นี่ต้องโทษตัวเขาที่ทำความชั่วมามาก ยามนี้จึงนำหายนะมาสู่ตัวเองแล้ว”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 16 เม.ย. 68
Comments
