“เช่นนั้นก็ดี ไม่มีอะไรน่าเขินอายหรอก หากไม่มีการประสานอินหยาง วิถียิ่งใหญ่มาบรรจบกัน จะมีลูกหลานให้เลี้ยงดูสั่งสอนได้อย่างไร บิดามารดาของเจ้ากับข้าก็เพราะเคยทำเรื่องเช่นนี้จึงมีพวกเรา” เขาเริ่มพูดปลอบแบบปากไม่มีหูรูดอีกครั้ง “สามารถเปิดอกพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ เป็นคุณธรรมอันดีอย่างหนึ่ง”
เฮ่อหลันฉือพูดอย่างทนไม่ไหว “แต่ก่อนหน้านี้เจ้าไม่พูดเปิดอกเช่นนี้นี่!”
ลู่อู๋โยวเวลานี้กลับเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ข้าคิดตกแล้ว ปล่อยไปตามธรรมชาติก็พอ การเป็นคนฉลาดช่างเหนื่อยยิ่งนัก แม้คุณหนูเฮ่อหลันจะหัวช้าไปสักนิด แต่มีความพยายามมากพอและมีความกล้าหาญมากพอเช่นกัน ทำให้ข้าน้อยรู้สึกนับถือ”
เฮ่อหลันฉือจ้องมองเขา
บนใบหน้าของลู่อู๋โยวมีเพียงรอยยิ้มที่คล้ายมีคล้ายไม่มี แสดงการยอมรับชะตาด้วยจิตใจอันสงบนิ่ง เหมือนได้ประนีประนอมกับนางแล้ว
เฮ่อหลันฉือไม่รู้ว่าลู่อู๋โยวกำลังคิดอะไรอยู่ แต่รู้สึกว่าเขาไม่มีทางรักษาความสัมพันธ์ละเอียดอ่อนและสุภาพกับนางเช่นนั้นต่อไป รู้สึกโล่งอกอย่างอธิบายไม่ได้เช่นกัน แต่เหมือนนางจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันใด
“ถุงเครื่องหอมใบนั้นข้าเป็นคนปักเองจริงๆ นะ!”
ลู่อู๋โยวหัวเราะจนไหล่สั่นทันทีแล้วเอ่ยว่า “ดูท่าเจ้าจะภูมิใจมาก”
เฮ่อหลันฉือกระแอมเพื่อกลั้วคอ
“อันที่จริงถุงเครื่องหอมใบก่อนหน้านั้นก็ไม่เลว ข้าพกออกไป สหายร่วมงานต่างถามข้าว่าไปเอาถุงเครื่องหอมฝีมือประณีตเช่นนี้มาจากที่ใด และมีสีหน้าตกใจระคนแปลกใจตอนที่ข้าบอกว่าฮูหยินเป็นคนปักเอง พวกเขาวิจารณ์ชื่นชมอีกพักหนึ่ง บอกว่าคุณหนูเฮ่อหลันมีจิตใจดีงาม ปักถุงเครื่องหอมเช่นนี้ต้องมีมโนภาพอื่นแน่นอน เป็นความหมายล้ำลึกที่พวกเขายากจะเข้าใจได้”
เฮ่อหลันฉือ “…”
เช่นนี้ก็ได้หรือ
ลู่อู๋โยวพูดอีกว่า “แต่ถุงเครื่องหอมที่ปักใหม่นี้ก้าวหน้าไปมากจริงๆ ข้าเกือบดูไม่ออกว่าเจ้าเป็นคนปัก ยังคิดว่าเป็นของสำเร็จที่ซื้อมาจากที่ใดเสียอีก คุณหนูเฮ่อหลันเรียนรู้อะไรได้เร็วมากจริงดังคาด”
เฮ่อหลันฉือสบายใจแล้ว
ลู่อู๋โยวกระแอมทีหนึ่ง เบือนหน้าหนีไปอย่างไม่สนใจแล้วเอ่ยว่า “หวังว่าเรื่องอื่นเจ้าจะเรียนรู้ได้เร็วสักนิดเช่นกัน”
เฮ่อหลันฉือ “…?”
ถึงแม้ฝนจะเบาลงแล้ว แต่ยังไม่หยุดตกโดยสิ้นเชิง ราวกับมีม่านฝนปกคลุมทั่วทั้งเมืองหลวง
ลู่อู๋โยวห้อยถุงเครื่องหอมใบใหม่ไปที่สำนักราชบัณฑิตตามปกติ เพราะห้อยไว้อย่างสะดุดตามาก เพียงไม่นานก็มีคนสังเกตเห็น
“จี้อัน เหตุใดวันนี้เจ้าจึงเปลี่ยนถุงเครื่องหอมเล่า ไม่ห้อยใบของฮูหยินเจ้าแล้วหรือ”
เขายิ้มแล้วตอบว่า “ไม่ใช่ ใบนี้ฮูหยินข้าเป็นคนปักเช่นกัน”
ทุกคนต่างจุปากชื่นชม รู้สึกเพียงว่าหางของคนตรงหน้าแทบจะยกสูงขึ้นฟ้าแล้ว
ครั้งก่อนในงานแต่งงานของคุณหนูรองจวนคังหนิงโหวกับหลินจาง ทุกคนต่างได้เห็นว่าคุณหนูเฮ่อหลันที่มีชื่อเสียงโด่งดังผู้นั้นเพื่อรักษาเกียรติของสามี แม้แต่คำพูดที่ว่าจะประลองแทนเขาก็ยังพูดออกมาได้ เห็นได้ว่ารักเหลือคณาจริงๆ
ก็ไม่แปลกที่เขาจะภูมิใจเช่นนี้
ตอนถึงเวลาอาหารกลางวันลู่อู๋โยวเดินไปเดินมาก็เจอกับหลินจาง สหายร่วมงานด้านข้างพูดอย่างทอดถอนใจกับลู่อู๋โยวว่า “เซ่าเยี่ยนน่าสงสารอยู่บ้างจริงๆ ได้ยินว่าหลังจากพวกเขาแต่งงาน สองวันทะเลาะเล็กน้อย สามวันทะเลาะใหญ่โต ใช้ชีวิตลำบากมาก…จริงสิ ตอนเย็นนัดดื่มสุรากัน จี้อันท่านไปหรือไม่”